X

เปิดตำราครีม “กันแดด” 101 นั้นสำคัญเบอร์ไหน!

Recommend 
Aug 08,2018
x Preaw

“ค่า SPF” “ค่า PA”

ยิ่งเยอะยิ่งดี มันจริงหรอ!?

เข้าหน้าร้อนแล้ว สาว ๆ คงเริ่มหา “กันแดด” ดี ๆ มาสู้แดด สู้ UV สุดฮอตที่เพิ่มขึ้นไปอี้กกก ซึ่งเรารู้ว่าหลายคนต้องเลือกที่จะหาครีมกันแดดที่มี ค่า SPF และ ค่า PA เยอะ ๆ เพราะคิดว่ากันได้ดีแน่ ๆ!!!  หรือ Sunscreen กับ Sun Block ต่างกันยังไง !? เรามีคำตอบมาให้จ้าาาาา

กันแดด

ทาครีมกันแดดแล้วได้อะไร!

แต่ก่อนที่เราจะข้ามถึงค่าต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าหน้าที่ของเจ้าครีมกันแดดเนี่ยมีหน้าที่หลัก ๆ คือ ปกป้องผิวจากรังสี UV โดยการดูดซับรังสี เพื่อป้องกันแสง UV ไม่ให้ผ่านเข้าไปถึงชั้นผิว หรือทำให้รังสี UV แตกกระจายออกไปเพื่อไม่ให้เข้าทำร้ายผิวโดยตรง

ซึ่งรังสี UV ก็ยังแบ่งออกมาอีก 2 อย่าง คือ รังสี UV-A ที่เป็นตัวการทำให้ผิวของสาว ๆ แก่ก่อนวัย และหน้าคล้ำ ดังนั้นเวลาเราไปทะเล แล้วผิวคล้ำเนี่ย ขอบอกเลยว่าเกิดจาก UV-A จ้าาา ส่วนรังสี UV-B จะทำให้ผิวขอเราไหม้และเกรียมเป็นเนื้อแดดเดียวนั่นเองค่ะ

Image result for sunscreen gif

ส่วนค่าต่าง ๆ ในครีมกันแดดที่มีค่า spf ตั้งแต่ 15-50 ไหนจะค่า pa ที่มี ++++ พ่วงท้าย จนบางเราก็เอ๊ะว่าเค้าใส่เพิ่มเก๋ ๆ ให้ดูมีอะไรหรือเปล่า แล้วบางทีครีมกันแดดก็มีแค่ spf อย่างเดียว หรือ pa อย่างเดียว จะซื้อแบบไหนดี เราเลยพามาไขข้อข้องใจเลยว่าค่าพวกนั้นอะ มันมีดีอะไร!!!

 

ค่า SPF

หรือ Sun Protection Factor ก็คือค่าของการปกป้องแสงแดดจากรังสี UVB !!! โดยตัวเลขของ SPF จะบ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากการถูกเผาไหม้จากแสงแดดได้นานมากน้อยแค่ไหน เช่น SPF15 หมายถึง ป้องกันผิวจากการไหม้ได้ 15 เท่านั่นเอง ซึ่งถ้าสาว ๆ อยากรู้ว่า SPF เท่านี้กันได้นานแค่ไหนก็ลองเอา ค่า spf x 15 จะได้จำนวนนาทีของการป้องกันค่ะ เช่น SPF50 คือ 50 x 15 = 750 นาที หรือ 12.30 ชม. ค่ะ สำหรับสาวที่อยู่ในออฟฟิศหรือวัยเรียนใช้ SPF15 ก็พอแล้วเนอะ

แต่กระซิบนิดนึงว่า ค่า SPF สูง ๆ เนี่ยไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องแสงแดดได้ดีไปกว่า ค่า SPF ที่ต่ำกว่าเลยนะคะ  เพราะจริง ๆ แล้วยิ่งค่า SPF สูง ๆ นั้นจะมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย และอาจจะทำให้สีผิวของเราไม่สม่ำเสมอ เกิดรอยด่างขึ้นได้ด้วยนะคะ ซิส!!!

sunny day art GIF

ค่า PA

PA หรือ Protection Grade of UVA คือค่าการดูดซึมของรังสี UVA แห่งความไหม้เกรียมของผิวเรานั่นเอง!!!!! ซึ่งค่า PA ก็จะมี 3 ระดับด้วยกัน คือ PA+,PA++ และ PA+++ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ก็ตามจำนวน + นั้นเลยค่ะ

 

Image result for Sunscreen gif

และถ้าสาว ๆ คนไหนสงสัยว่า Sunscreen กับ Sun Block เหมือนหรือต่างกันยังไง อะไรให้ผลดีกว่ากัน เราก็มีจะมาแจงให้สาว ๆ กระจ่างแจ้งเหมือนกันนะคะ ว่ามันเป็นยังไงกันนะ

 

Sunscreen

หรือที่เรียกว่า Chemical Sunscreen คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันแสงแดดเป็นส่วนผสม อาจแสดงค่าการป้องกันแสงเป็นค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้ด้วยการ ดูดซับรังสี UV และสาว ๆ ควรทาก่อนถูกแสงแดดเป็นเวลา 30 นาที เพราะตัวนี้ต้องใช้เวลาในการเกิดปฏิกิริยาเคมีเพื่อป้องกันแสงแดดและรังสี UV ให้ผิวเรานั่นเองค่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าสารกรองแสงบางตัวสามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ทำร้ายเซลล์ผิวและก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้นะคะ

 

Sun Block

ส่วน Sun Block หรือ Physical Sunscreen เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะทึบแสงมาก ๆ และมีความข้นหนืดสูง มีคุณสมบัติปกป้องผิวด้วยการช่วย สะท้อนหรือกระจายแสง UV ออกจากผิว ไม่ให้แสง UV ผ่านเข้าชั้นผิวหนังของเราเข้าไปได้ และครีมกันแดดประเภทนี้ เมื่อทาแล้วสามารถออกแดดได้เลยไม่ต้องรอ แถมยังได้รับการรับรองจาก FDA มีความปลอดภัย 100% ไม่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระตัวการร้าย ทำให้ผิวเราแก่ก่อนวัยและทำลายเซลล์ผิวค่ะ

 

Image result for my lily white skin gif

 

วิธีการเลือกครีมกันแดดอย่างถูกต้อง

  1. ฉลากผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นภาษาไทย แสดงชื่อและประเภทของผลิตภัณฑ์, ชื่อและปริมาณส่วนประกอบสำคัญ, ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า, เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต, วันเดือนปีที่ผลิต, วิธีใช้, ปริมาณสุทธิ และคำเตือน
  2. สาว ๆ พิจารณาเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีสารกรองแสงรังสี UVA และ UVB เป็นองค์ประกอบ เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย ปกป้องไม่ให้ผิวหมองคล้ำหรือเกิดการอักเสบจากการถูกแดดเผาได้
  3. ต่อมาก็ควรเลือกซื้อครีมกันแดดบอกค่าป้องกันแสงแดด (SPF- Sun Protection Factor)  เช่น SPF 12, 15 หรือ 30 เป็นต้น และควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม เช่น ถ้าต้องทำงานนอกสถานที่หรือต้องได้รับแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ควรเลือกซื้อค่าที่สูง เช่น SPF 15 หรือมากกว่านั้นค่ะ
  4. กรณีที่ต้องการป้องกันแสงแดดขณะว่ายน้ำควรเลือกชนิดที่กันน้ำ (Water resistance) และถ้าใช้ขณะอากาศร้อนมาก ๆ เหงื่อออกง่าย หรือป้องกันแสงแดดเมื่อเล่นกีฬา ควรเลือกชนิดทนต่อเหงื่อ  (Sweat resistance)
  5. และที่สำคัญสาว ๆ ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ครีมกันแดด โดยทาผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดนั้น ๆ ในปริมาณเล็กน้อยที่ท้องแขน แล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ ถือว่าเป็นอันใช้ได้ค่ะ

 

ทาถูกจะเกิดผล!

ถ้าต้องเจอแดดหนัก ๆ ควรทาครีมก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้เนื้อครีมเคลือบติดที่ผิวได้ดี และสำหรับสาวสายแอคทีฟที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ เราแนะนำให้ทาซ้ำทุก 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการปกป้องผิวจากแสงแดดตัวร้ายค่ะ

เอาเป็นว่ากระจ่างแจ้งกันไปแล้วนะคะว่าค่าต่าง ๆ บนครีมกันแดดคืออะไร มีดีอะไร! สาว ๆ ก็ลองเอาไปคิดเอาเองในใจเนอะว่าอะไรที่เหมาะกับเรา แต่ Beauty Hunter ว่า สาว ๆ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่าพวกนี้ที่เหมาะสมไว้ดีกว่า แล้วก็ควรทาก่อนออกแดด 30 นาทีเพื่อให้ครีมออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้นไปอีกนะคะ

GIF credit : giphy

 

 

Advertisement
Preaw
Advertisement
Advertisement
Advertisement

Advertisement