ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เป็นสาวใสวัยเรียน หรือสาววัยทำงาน แต่วินัยทางการเงินคือเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่สาว ๆ ยุคใหม่ไม่ควรปล่อยปละละเลย อย่ามัวแต่คิดว่าอายุยังน้อย จะใช้จ่ายยังไงก็ได้ เดี๋ยวก็หามาได้เรื่อย ๆ เพราะบางทีเราก็อาจกำลังใช้จ่ายไปกับเรื่องไม่ควรจ่ายแบบที่เราไม่รู้ตัว โดยเฉพาะสาวๆ นักช้อปที่ควักเงินออกจากระเป๋ากระจายแบบไม่มีอิดออด มาลองเช็กตัวเองดูกันหน่อยว่าเรามีนิสัยการใช้จ่ายไปกับของที่ไม่ควรจ่ายอย่างใน 5 ข้อนี่อยู่หรือเปล่า?
รายได้มีเท่าไหร่ แต่ต้องจ่ายหนี้ไปกว่า 45% ของรายได้
ไม่สำคัญเลยว่าเราจะมีรายได้มากหรือน้อย แต่มันสำคัญตรงที่ว่าเราเหลือเก็บหรือเหลือไว้ใช้จ่ายกับเรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวันหรือเปล่า ถ้า 45% ของรายได้เราต้องควักออกไปเพราะต้องชำระหนี้ ไม่ว่าจะหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้แบบไหน เราต้องเริ่มทบทวนตัวเองได้แล้วว่าหนี้ก้อนนั้นเกิดจากอะไร ถ้าเกิดจากการมือไว้ช้อปกระจายหรือเอาไปเที่ยวแบบไม่มีลิมิต ควรค่อย ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดหนี้ที่ไม่เป็นประโยชน์เหล่านั้นลงเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง
ของลดราคาพุ่งเข้าใส่ แต่ไม่เคยได้ใช้สักที
เข้าใจว่าป้าย Sale มันช่างยั่วยวนใจ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มสังเกตแล้วว่าของ Sale ที่เราไปพุ่งตัวแย่งชิงกับสาว ๆ คนอื่นมามันเริ่มกองอยู่ตามมุมนั้นมุมนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เราแทบไม่ได้หยิบมาใช้เลยนี่คือสัญญาณอันตรายว่าเรากำลังหลงกับคำว่า Sale จนเผลอควักเงินใช้จ่ายในส่วนที่ไม่ควรจ่ายไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องยอมจำนนกับการลดราคาเสมอไปก็ได้ ท่องเอาไว้ว่าราคาถูกแค่ไหน แต่ถ้าซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ มันก็คือสิ้นเปลืองค่ะ!
เสื้อผ้าสวยจนกว้านซื้อมาเก็บไว้ไปหมด
การแต่งตัวคือหัวใจสำคัญของผู้หญิง เราไม่จำเป็นต้องคว้าเสื้อผ้าทุกตัวที่เรารู้สึกว่าสวยมาไว้ในครอบครอง จำนวนเสื้อผ้าที่เราไม่เคยได้ใส่เลยมีมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นสัญญาณว่าเราได้หมดเงินไปกับอะไรที่สิ้นเปลืองเสียแล้ว ซึ่งเป็นคนละความหมายกับการมีชุดไว้ใส่ให้ถูกกาลเทศะนะคะ เช่น เราอาจมีชุดราตรียาวที่ไม่ค่อยได้ใส่แต่มีเตรียมไว้เผื่อออกงานแบบเร่งด่วน ซึ่งแตกต่างจากการมีเสื้อผ้ามากมายจนใส่ไม่หมด นั่นแหละควรเริ่มระมัดระวังการใช้เงินของตัวเองให้ดี
อยากผอมเลยสมัครฟิตเนสทิ้งไว้ แต่ไม่ได้เล่น!
หุ่นเป๊ะปังอลังการก็เป็นอีกความฝันใฝ่หนึ่งของสาวๆ การสมัครฟิตเนสเอาไว้เพื่อออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงและหุ่นสมส่วนจึงเป็นเรื่องที่คุ้มค่ากับการจ่ายเงินรายเดือน แต่มันจะเริ่มเป็นการเสียเงินแบบใช่เหตุก็ต่อเมื่อเราสมัครฟิตเนสไว้ แต่ไม่ยอมไปเล่นนั่นแหละค่ะคุณขา อย่างน้อยถ้าเสียเงินไปแล้วก็ไปเรียกเหงื่อให้ตัวเองเสียบ้าง ไม่ใช่สมัครไว้ให้เงินไหลออกนอกกระเป๋าชิลล์ ๆ
เห็นอะไรน่ากินก็ซื้อตุน แต่สุดท้ายกินไม่หมด
แม้ใจหนึ่งจะอยากผอม แต่เวลาเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไร ก็อดที่จะซื้อของมาเก็บไว้ในตู้เย็นให้อุ่นใจไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าที่ในตู้เย็นมีอาหารอร่อย ๆ ที่เราชอบอยู่เต็มตู้เป็นความอุ่นใจอย่างหนึ่ง หรือบางทีกำลังคุมน้ำหนักก็มักจะซื้ออาหารที่ดีต่อการคุมอาหารมารอไว้เต็มตู้ มันไม่เป็นการใช้จ่ายที่เกินเลยแต่อย่างใด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อาหารเริ่มหมดอายุก่อนที่เราจะกินหมด หรือเปิดมาอีกทีเราก็พบว่ามันบูดหมดแล้ว สัญญาณนี้นี่แหละคือสัญญาณอันตรายของการใช้จ่ายแบบไม่คิดคำนวณให้ดี ควรคิดสักนิดถ้าเงินจะหายไปพร้อมกับอาหารที่บูดไปก็น่าเสียดายนะคะ
ถ้าสาว ๆ คนไหนมีนิสัยการใช้จ่ายแบบที่ว่ามานี้ ลองจัดระเบียบทางการเงินให้ตัวเองใหม่ แม้การใช้เงินมันจะฟินสุด ๆ แต่การใช้เงินอย่างเป็นระบบแล้วเหลือไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือตอนที่เราต้องแก่ตัวลงไป อันนี้แหละที่จะฟินเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า เชื่อเราสิ!
