“ศึกในออฟฟิศ”
ทะเลาะกับใครก็ทะเลาะได้ แต่ทะเลาะกับคนในที่ทำงานมันช่างปวดใจ ยังต้องมาเจอหน้ากันทุกวัน หรือยิ่งกว่านั้นคือไม่ชอบขี้หน้ากันแค่ไหนก็ยังต้องร่วมงานกันอีก! จะให้ใส่ยับแบบไม่ต้องยั้งก็ไม่น่าเวิร์ค แต่จะยอมโดนรังแกฝ่ายเดียวก็ไม่น่าดีอีก BEAUTY HUNTER มีวิธีพิชิต “ศึกในออฟฟิศ” นี้ให้ไม่พังแถมดูชาญฉลาดอีกต่างหาก
หัวใจสำคัญคือการแยกแยกและเข้าใจ
“ศึกในออฟฟิศ”อาจมีหลายประเภท แต่ขึ้นชื่อว่าศึกสงครามแล้วคงไม่มีสาว ๆ คนไหนสบายใจ แต่ก่อนจะพิชิตศึกได้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรู้เท่าทันว่าศึกสงครามนี้มันคืออะไรกันแน่?
ถ้ามันคือการโต้แย้ง ถกเถียงกันเพราะเรื่องงานแล้วเราดันนับมันเป็นศึก ก็พอเข้าใจได้ว่าอยากให้งานออกมาดีที่สุดจึงต้องสู้รบกันสุดชีวิต แต่ศึกแบบนี้เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่าไม่มีใครเป็นศัตรูกัน เราทุกคนล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ขององค์กร ห้ามคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด!
เมื่อศึกที่เกิดจากการแข่งกันแค่เรื่องงานจบลง อารมณ์ก็ต้องจบลงไปด้วยตามประสาผู้หญิงสวย เก่ง และมืออาชีพอย่างเรา ๆ นะคะซิส
งานดีมีคุณภาพจะปกป้องเราจากทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตามเราเข้าอกเข้าใจดีว่าศึกสงครามในออฟฟิศมันไม่ได้มีแค่ฟาดฟันแข่งขันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น บางคนเจอการกลั่นแกล้งด้วยเรื่องส่วนตัว หรือเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อยมาคอยค่อนแคะจิกกัด
สิ่งที่จะเป็นปราการขนาดใหญ่ที่คอยปกป้องเราไว้จากศึกในออฟฟิศไม่ว่ารูปแบบไหนคือ “งานดีมีคุณภาพ” ไม่ว่าเราจะทะเลาะกับใครเปิดศึกกับก๊กไหนฟาดฟันกับคนแบบใดแต่ถ้างานเราดีไม่มีที่ติคนเหล่านั้นก็จะหาหนทางทำร้ายทำลายเราได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างน้อยที่สุดถ้าเราจะต้องตกม้าตายเพราะอะไรสักอย่าง เราก็จะได้มั่นใจได้ว่าเราไม่ได้ทำงานอะไรผิดพลาดไป ตายในหน้าที่อย่างสมบูรณ์งดงามที่สุด เพราะถ้าเราพลาดเพราะฝีมือการทำงานของเราเอง รับรองว่าอีกฝ่ายเหยียบเราจมดินแน่นอน
ยิ่งนิ่งยิ่งมืออาชีพ
เมื่อพ้นเรื่องงานไปได้ ศัตรูจะเริ่มไม่เห็นทางไหนที่จะทำให้เราเจ็บ “คำพูด”จึงเป็นอาวุธอีกชิ้นที่อีกฝั่งลงทุนน้อยที่สุดแต่ทิ่มแทงเราซ้ำๆได้บ่อยๆไม่รู้เบื่อ
เชื่อเหลือเกินว่าในออฟฟิศที่มีศึกสงครามอยู่ตรงหน้า เราต้องเคยเจอ วายร้ายสายน้ำลายที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราเจ็บปวด หัวร้อน โกรธ หรืออะไรก็ตามที่เราจะปรี๊ดแตกและแสดงความไม่มืออาชีพออกมา
ศึกที่อื่นซิสจะทำแบบไหนก็อาจจะพอได้แต่จำไว้ให้ขึ้นใจว่าศึกในที่ทำงานใครนิ่งกว่ายิ่งได้เปรียบไม่ว่าเขาจะพูดอะไรแย่แค่ไหนออกมาทั้งหมดนั้นมันจะเผยนิสัยของตัวเขาให้คนในที่ทำงานรู้เอง
ในขณะที่ความนิ่งและมืออาชีพของเราก็จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจได้เองว่าอันไหนเพชรล้ำค่าอันไหนแค่ก้อนกรวดข้างทาง
อย่าลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง
เข้าใจว่าการมีคนคอยสนับสนุน และอยู่เคียงข้างมันสำคัญต่อจิตใจ แต่การที่ถ้ามีใครในที่ทำงานไปคุยกับคนที่เราไม่ชอบหรือกำลังเปิดศึกด้วยอยู่ แล้วเราจะพาลไม่คุยกับคนนั้นไปด้วย หรือเหมารวมว่าเขาเข้าข้างกัน พฤติกรรมแบบนี้มีแต่จะทำให้เราดูแย่ลง
ทางที่ดีที่สุดคือทำงานของตัวเองอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าใครจะฝ่ายไหนหรือเป็นใครเราต้องทำงานร่วมกับคนนั้นได้ ท่องไว้ให้ขึ้นใจ “งานดีมีคุณภาพจะปกป้องเราจากทุกสิ่ง”
ไม่มีอะไรมีค่ามากกว่าสุขภาพจิตของเราเอง
อย่างไรก็ตามแม้เราจะรู้อยู่เต็มอกว่านิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว หรือรู้ว่าทำงานอย่างมืออาชีพมันดียังไง แต่ถ้าศึกในออฟฟิศมันทำให้เรารู้สึกแย่แสนแย่จนไม่อยากตื่นไปทำงานในแต่ละวัน ทุกวันหยุดเราก็หดหู่เมื่อคิดว่าต้องกลับไปทำงานอีกแล้ว แย่ถึงขั้นไม่สามารถนึกถึงเรื่องดี ๆ ได้อีก ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องถามตัวเองให้ดีว่าที่เราทำอยู่นี้มันคุ้มกับสุขภาพจิตที่เสียไปหรือไม่?
เพราะงานดี เงินดีแค่ไหน แต่ถ้าสุขภาพใจต้องย่ำแย่นกก็ว่ามันไม่คุ้มนะคะพี่ตา
ถ้าศีกในออฟฟิศครั้งนี้มันยังวงเวียนอยู่ที่การแข่งขันเรื่องผลงาน หรือคำพูดจิกกัด เราอาจพอทนได้ แต่หากซิสเจอสถานการณ์ที่ไปไกลถึงขั้นโดนกลั่นแกล้งหรือพูดให้อับอาย หรือโดนละเมิด ไปจนถึงถูกกระทำความรุนแรง เรื่องเหล่านี้ไม่ควรปล่อยไป และอย่าลงไปเกลือกกลั้วให้เสียเวลา แจ้งความสถานเดียวค่ะ!