“วัคซีน”
จำได้กันมั้ยคะ ตอนสมัยเด็กๆ จะมีวันนึงที่โรงเรียนพาเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล หรือสาธารณสุขมาจับเด็กทุกคนในชั้นปีมาเรียงแถวฉีดยามั่ง หยอดยาใส่ปากมั่ง ซิสก็โดนค่ะ ตอนนั้นไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมอยู่ๆ เขาต้องมาฉีดยาเราด้วย เจ็บนะคะคุณหมอ! เพิ่งมารู้ตอนโตว่าเขาฉีด “วัคซีน” ให้ แต่สาวๆ รู้กันมั้ยคะ ว่าตลอดชีวิตการเกิดมาเป็นผู้หญิงเนี่ย เราควรรู้จักวัคซีนอะไรบ้าง ไปเช็คกันหน่อย ว่าเคยฉีดอะไรมาแล้วบ้าง
มาดูรายละเอียดของวัคซีนแต่ละตัวกันบ้างดีกว่า
วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคยอดฮิตที่มีการระบาดทุกปีทั่วโลก โดยในปี 2563 ประเทศไทยมีสถิติผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง 122,044 คน ซึ่งส่วนมากผู้ป่วยจะเป็นเด็กเล็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4 ปี ที่ร่างกายยังคงบอบบาง ภูมิต้านทานโรคน้อย ไข้หวัดใหญ่จึงเป็นโรคที่น่ากลัวมาก
การรับวัคซีน
ทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป จึงควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง
วัคซีน HPV หรือ วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
เมื่อพูดถึงมะเร็งปากมดลูก หลายคนอาจจะนึกว่าเป็นได้เฉพาะผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วเชื้อ HPV สามารถได้รับเชื้อทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยส่วนมากจะหายได้เอง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อเรื้อรัง และกลายเป็นโรคมะเร็งหลากหลายชนิด โดยมะเร็งที่สำคัญที่สุดคือมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ HPV ถึง 99.7%
การรับวัคซีน
-ผู้หญิงอายุ 9-14 ปี ฉีด 2 ครั้ง
-ผุ้หญิงอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ฉีด 3 ครั้ง
-ผู้ชายมีช่วงอายุที่เหมาะกับการฉีดคือ 9-21 ปี แต่ถ้าอายุมากว่า 21 ปี ควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน
อ่านบทความเกี่ยวกับวัคซีน HPV เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
วัคซีนป้องกันโรคไอกรน คอตีบ และบาดทะยัก
เจ้าตัวนี้นี่แหละค่ะ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ความทรงจำอันเจ็บปวดในวัยเด็กของซิส ความจำเป็นที่ควรต้องรู้จัก แม้จะเคยฉีดมาแล้วก็คือ โรคนี้ยังมีรายงานคนป่วยอยู่ในทุก ๆ ปี เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ระดับภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากรับวัคซีนครั้งล่าสุด และเมื่อนานจนเกิน 10 ปี ระดับภูมิคุ้มกันจะต่ำจนอยู่ในระดับที่สามารถติดเชื้อได้อีกครั้ง
การรับวัคซีน
ทุกคนที่มีอายุ 11 ปีขึ้นไป ควรได้รับวัคซีนเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันในทุก 10 ปี
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ
โรคไวรัสตับอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์คือ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งจะส่งผลให้ตับเสียหาย และหากป่วยนานจนเกิดอาการตับอักเสบเรื้อรัง จะส่งผลทำให้เกิดโรคตับแข็ง หรือมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งตับได้ โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบจะอาศัยอยู่ในเลือด และสารคัดคลั่ง จึงติดต่อผ่านเลือดและเพศสัมพันธ์ได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้แปรงสีฟัน มีดโกน และของมีคมอื่นๆร่วมกับบุคคลอื่น
การรับวัคซีน
-ไวรัสตับอักเสบเอ ฉีดวัคซีน 2 ครั้ง
-อายุ 15 ปี ขึ้นไป ฉีดวัคซีน 1-3 ครั้ง แล้วแต่ภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล
วัคซีนป้องกันโรคคางทูมและหัดเยอรมัน
โรคคางทูมและโรคหัดเป็นโรคติดต่อที่อันตรายมาก สามารถติดต่อกันได้ทางละอองฝอยจากทางเดินหายใจ และการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย อาการมีตั้งแต่ไข้ ไอ ปวดศีรษะ ไข้ออกผื่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย ต่อมน้ำลาย หรือต่อมน้ำเหลืองโต ไปจนถึงบกพร่องทางการได้ยิน ไข้สมองอักเสบ ติดเชื้อในสมอง และส่วนมากจะเกิดในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่
การรับวัคซีน
-ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องได้รับวัคซีนจำนวน 2 เข็ม
-การเว้นระยะห่างของแต่ละเข็ม ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส
อีสุกอีใส หรือโรคสุกใส เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ติดต่อได้ทางการหายใจ การไอ และจาม การสัมผัสโดยตรงกับแผลสุกใส หรือสัมผัสของใช้ที่สัมผัสโดนแผลของผู้ป่วย เมื่อติดเชื้อจะมีอาการไข้ต่ำ ปวดเมื่อย มีตุ่มใสขึ้นตามร่างกาย และจะกลายเป็นตุ่มหนอง โดยจะค่อยๆตกสะเก็ดภายใน 5-20 วัน
การรับวัคซีน
-ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องรับวัคซีน 2 เข็ม
-อายุต่ำกว่า 13 ปี ฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 1 ปี และฉีดอีกครั้งเมื่ออายุ 4 ปี
-อายุ 13 ปีขึ้นไป เว้นระยะห่างระหว่างวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 อย่างน้อย 1 เดือน
วัคซีนป้องกันงูสวัด
โรคงูสวัดมักเกิดในผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี โดยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อติดเชื้อจะมีอาการปวด แสบร้อนบริเวณผิวหนัง เกิดตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกลุ่มตามร่างกาย โดยมักจะขึ้นตามแนวของเส้นประสาทด้านเดียว แต่จะอันตรายมากหากตุ่มขึ้นบริเวณใบหน้าเพราะอาจทำให้เกิดอาการตาอักเสบได้ อาการต่อมาคือตุ่มจะแตกและกลายเป็นแผลตกสะเก็ด
การรับวัคซีน
-ฉีด 1-2 เข็ม แล้วแต่ชนิดของวัคซีน
วัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น
โรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายได้จากการไอ จาม สัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ คอแข็ง อาเจียน ผิวหนังช้ำเลือด ไปจนถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสโลหิต และมีโอกาสเสียชีวิตได้
วัคซีนชนิดนี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องเดินทางไปประเทศแถบแอฟริกา และตะวันออกกลางมากเป็นพิเศษเพราะมีอัตราการระบาดในประเทศแถบนั้นมากกว่าประเทศไทย
การรับวัคซีน
-ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รับวัคซีน 1 เข็ม
วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบหรือโรคปอดบวม เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ สามารถแพร่กระจายได้ทางละอองฝอยจากการไอจาม โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสั่น หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด
การรับวัคซีน
-ควรฉีด 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละเข็มอย่างน้อย 2 เดือน
เป็นยังไงกันบ้างคะซิส ฉีดกันไปกี่ชนิดแล้วคะ ถ้าใครยังไม่เคยฉีดตัวไหน ก็ลองไปปรึกษาคุณหมอกันดูนะคะ โดยเฉพาะวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีน HPV สาวๆ อย่างเรายิ่งควรฉีดมากๆ แต่ละโรงพยาบาลเขาจะมีแพ็คเกจราคาสำหรับฉีดอยู่แล้ว ลองศึกษาดู แล้วไปฉีดกันด่วนๆ เลยค่า
ขอขอบคุณข้อมูลทางการแพทย์จาก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์