“เพื่อนคิดร้าย”
ความสนิทมักเป็นขนมหวานเคลือบยาพิษอย่างดีที่สาว ๆ อย่างเรามองข้าม เราคิดว่าเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ จะพูดจาแย่ ๆ แค่ไหนก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพื่อนเราคงแค่หยอก ๆ ให้เราสนุก ๆ ขำ ๆ เท่านั้น แต่เคยสงสัยไหมว่าถ้าเพื่อนรักเราจริงทำไมต้องแกล้งหรือพูดกับเราแรง ๆ ให้เราเสียใจ? ถ้าไม่แน่ใจว่านี่เพื่อนรัก หรือ “เพื่อนร้าย” กันแน่ ลองดูสัญญาณต่อไปนี้ว่าเพื่อนล้ำเส้นหรือเปล่า? ถ้าเตือนกันดี ๆ แล้วฟังก็คือเพื่อน แต่ถ้าทำพฤติกรรมล้ำเส้นเหล่านี้แถมเตือนไม่ฟังก็งูพิษชัด ๆ หนีเถอะค่ะ
ดีแค่ตอนอยากได้อะไร
อยากจะบอกว่าเธอคนนี้น่ะงูพิษก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะบางทีเพื่อนคนนี้ก็ปากหวาน น่ารัก อ่อนโยนกับเราเสียเหลือเกิน แต่ลองสังเกตดี ๆ นะคะว่าเขาดีกับเราตลอดเวลามั้ย? ดีเป็นปกติหรือเปล่า? หรือตอนที่เขาดี สักพักเขาก็จะมาบอกว่าเขาต้องการอะไรจากเรา
ถ้าคนที่พร้อมจะทำดีกับเราเป็นช่วง ๆ แค่ในตอนที่เขาต้องการอะไร เช่น โทรมาหาเฉพาะตอนใกล้สอบเพราะอยากยืมเลคเชอร์เรา พอเขาได้สมใจอยากก็หายตัวไปบ้างหรือทำเหมือนเราไม่มีตัวตนอยู่เลยบ้างก็บอกเลยว่านี่ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นงูพิษที่หวังจะตักตวงเอาเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์
ความต้องการเราไม่เคยสำคัญ
เวลาเธอคนนี้อยากไปไหน อยากกินอะไร อยากทำอะไร เราก็อยู่ตรงนั้นเสมอ เราอาจไม่ได้คิดอะไรเพราะก็เป็นเพื่อนกัน การทำอะไรด้วยกันก็ถูกแล้ว แต่ทันทีที่เราเริ่มบอกว่าเราอยากไปที่นั่น อยากลองเปลี่ยนไปกินอันนี้บ้าง หรือเปลี่ยนเป็นหนังเรื่องที่เราสนใจบ้าง แล้วเธอทำละเลย ไม่ใส่ใจ หรือเอาแต่หาเหตุผลมากลบว่าสิ่งที่เราต้องการหรืออยากทำมันไม่ดีหรอก ทำตามที่เธออยากทำดีกว่า ก็ถือเป็นอีกสัญญาณของ “เพื่อนคิดร้าย” ที่หวังจะมีเราเป็นแค่ลูกไล่หิ้วไปมา แต่ไม่ได้เห็นเราเป็นเพื่อนที่มีความรู้สึก มีความต้องการเป็นของตัวเองและไม่ต้องการรับฟังเราเลย
ล้ำเส้น แล้วบอกว่าเราคิดมากไป
“แก ทำไมช่วงนี้บวมจัง อ้วนจนเหนียงออกแล้วนะ”, “ใส่เสื้อซ้ำอีกแล้วนะ ไม่มีปัญญาซื้อหรอ” จริง ๆ ประโยคเหล่านี้ถ้ามีคนที่ไม่สนิทกับเรามาพูดใส่ เราก็คงตัดสินได้ทันทีว่าเขาไม่ประสงค์ดีกับเราแน่ ๆ แต่เมื่อออกมาจากปากเพื่อน คนที่เราไว้ใจ เราก็มักคิดว่าเธอแค่ล้อเล่น แค่หยอกเราเอาสนุก
เส้นแบ่งไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มันคือความรู้สึกของเรา ถ้าเรารู้สึกสนุกไปด้วยก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่เรารู้สึกว่าไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัดที่เพื่อนพูดแบบนี้ด้วย เราควรบอกเพื่อนตรง ๆ สำหรับเพื่อนแท้ย่อมต้องรับฟังเราและเห็นว่าความรู้สึกเรามีความหมาย ในขณะที่งูพิษหรือ “เพื่อนคิดร้าย” จะทำเป็นกลบเกลื่อนแล้วหาว่าเราจริงจังไป ทำให้เรากลายเป็นคนผิดเอง ทั้ง ๆ ที่คนนั้นแหละเป็นคนละเมิดเราทางคำพูด
เล่นบทดราม่าน่าสงสารเพื่อควบคุมเรา
บางที “เพื่อนคิดร้าย” หรืองูพิษก็ไม่ได้มาในมาดนางร้าย โวยวาย หรือวางท่าน่ากลัวเสมอไป แต่เพื่อนที่ทำตัวน่าสงสาร เล่นบทดราม่า อ่อนแอตลอดเวลา แล้วใช้ความอ่อนแอดราม่านี้ในการกำกับควบคุมเราให้ทำในสิ่งที่เธอต้องการจนเราไม่อาจมีชีวิตเป็นของตัวเองก็ต้องระวังไว้มาก ๆ
“เราไม่ได้เรียนเก่งอยากเธอนี่นา เราเลยสอบตกตลอดเลย ถ้าวันนี้เธอไม่อยู่ช่วยติวให้เรา เราคงสอบตกซ้ำ ๆ แล้วโดนพ่อดุอีกแน่เลย”, “ถ้าเธอมีแฟนเราก็คงต้องกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา คงต้องแย่มากแน่ ๆ เลย เราไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไงเลยด้วยซ้ำ” ประโยคเริ่มต้นเล่าความดราม่าสารพัดของชีวิตเคล้าน้ำตามักจะถูกตบท้ายด้วยการให้เราเป็นคนช่วยเหลือเพื่อนประเภทนี้เสมอ ดังนั้นลองคิดดี ๆ ว่าเราช่วยเหลือเพื่อนเป็นครั้ง ๆ ไป หรือจริง ๆ เพื่อนคนนี้กำลังใช้ความอ่อนแอดึงเราเอาไว้ไม่ให้ไปไหนกันแน่?
ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจต่อหน้าคนอื่น
การพูดจาทำร้ายกัน ลดทอนความมั่นใจกัน ก็ไม่ใช่คุณสมบัติที่น่าคบของเพื่อนอยู่แล้ว แต่จะมีงูพิษในคราบเพื่อนบางแบบที่อยู่กับเราสองคนก็ดูจะปกติกับเราเสียเหลือเกิน หรือถึงขั้นเอาอกเอาใจ แต่ไม่รู้เป็นอะไรไปอยู่ต่อหน้าคนอื่น ชอบทำให้เราดูเป็นตัวตลก หรือชอบลดความมั่นใจเรา ติเรื่องการแต่งตัวเรา รูปร่างเรา และสารพัดความเป็นเรา
การอยู่ใกล้กับเพื่อนแบบนี้ไม่ดีกับสุขภาพจิตเราแน่ ๆ และมันทำให้เห็นว่าเขาไม่เคารพให้เกียรติเราเลย และอยากให้เราดูแย่ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างให้ตัวเอง
“เพื่อนคิดร้าย” ยังมีอีกหลายประเภทที่บางครั้งก็ดูแทบไม่ออก จนเราหลงคิดว่าเขาก็เป็นเพื่อนที่เราอยากคบต่อไปเรื่อย ๆ คนหนึ่ง แต่ลองพิจารณาให้ดี เริ่มจากความต้องการของเรา ความรู้สึกของเรา ถูกเพื่อนคนนี้รับฟังมากน้อยแค่ไหน? ถ้าแค่ความต้องการเรายังไม่ถูกรับฟัง และเราแทบไม่เคยได้เป็นตัวเองตอนอยู่กับเพื่อนคนนี้เลย ก็ต้องถามใจตัวเองดี ๆ ว่าแล้วเราอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไร?