จงระวัง! 5 “คำพูดร้ายในที่ทำงาน”ที่ดูหวานแต่จริง ๆ เคลือบยาพิษ!

“คำพูดร้ายในที่ทำงาน” สาว ๆ จบใหม่อย่างเราหรือบางทีเพิ่งทำงานมาได้ไม่นาน หลายครั้งก็รู้ไม่ทันคำพูดของออฟฟิศหรือองค์กรที่เราทำงานด้วย องค์กรที่น่ารัก มืออาชีพและใส่ใจพนักงานตัวน้อย ๆ อย่างเราก็มีจำนวนมาก แต่ใครจะรู้ว่าบางทีเราก็หลงกลคำพูดที่ดูสวยหรูแต่จริง ๆ แล้วเคลือบยาพิษไว้จนชุ่ม! การจะเป็นสาววัยทำงานนอกจากต้องสวย เก่ง ฉลาดแล้ว ยังต้องรู้เท่าทัน “คำพูดร้ายในที่ทำงาน” รู้ทันคนและการเอาเปรียบที่อาจเกิดขึ้นได้ไปพร้อม ๆ กัน “ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัวนะคะ” สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญและมีความรู้สึกเชิงบวกกับคำว่า “ครอบครัว” มาก เพราะครอบครัวหมายถึงความรัก ความผูกพัน การเสียสละและการดูแลกันและกัน เวลามีคนในออฟฟิศบอกเราว่า “ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัวนะคะ” จึงไม่แปลกที่เรามองว่านี่คือคำหวานหูน่าชื่นใจ แต่ใครจะรู้ว่าการใช้คำว่าครอบครัวนั้นอาจเป็น “คำพูดร้ายในที่ทำงาน” เพราะการทำงานต้องอาศัยระบบที่มั่นคงความเป็นมืออาชีพที่น่าเชื่อถือการอ้างคำว่าครอบครัวอาจหมายถึงการบอกเป็นนัยๆให้เราเสียสละโดยไม่มีค่าตอบแทนหรือระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมารองรับดังนั้นสาวๆจงระวังไว้ให้ดี “ทำเกินหน้าที่เยอะ ๆ จะได้เก่งขึ้น” เป็นเรื่องจริงที่ว่ายิ่งทำงานเยอะ เราก็จะยิ่งได้เรียนรู้ไว แต่การทำงานเยอะจนล้นแล้วล้นอีก เหนื่อยแล้วเหนื่อยอีกกับอะไรที่ไม่ใช่หน้าที่เรา จนพาลทำให้หน้าที่รับผิดชอบเราทำได้ไม่เต็มที่ แถมยังเหนื่อยสาหัสจนไม่อาจเรียนรู้อะไรไหว แต่คนในออฟฟิศก็เอาแต่อ้างคำว่า “จะได้เก่งขึ้น ๆ ” แม้ฟังแล้วคล้ายจะเป็นความหวังดี แต่หากเราทำงานล้นมือจนไม่มีเวลาทำงานตัวเองให้ดี BEAUTY HUNTER ว่านอกจากจะไม่เกิดการเรียนรู้ อาจทำให้สุขภาพกายและใจพัง แถมหน้าที่รับผิดชอบเราโดยตรงก็อาจไปไม่รอดก็เป็นได้ “ออฟฟิศนี้เวลางานยืดหยุ่นนะครับ” “ออฟฟิศนี้เวลางานยืดหยุ่น” […]

เก่ง สวย ฉลาด! เคล็ดลับไป “สัมภาษณ์งาน”ให้ผ่านฉลุยแม้เพิ่งเรียนจบ

“สัมภาษณ์งาน” การเป็นสาวจบใหม่ไฟแรงอะไรก็ดีไปหมด แต่ติดอย่างเดียวตรงที่เวลาโดนเรียกไป “สัมภาษณ์งาน”ทีไร เราก็ดันไม่มั่นใจในความสามารถและประสบการณ์ที่ยังไม่มาก ทำให้หลายครั้งการสัมภาษณ์แป้กไม่เป็นท่า แต่อย่าห่วงไปนะคะ BEAUTY HUNTER พร้อมเคียงข้างทุกสถานการณ์ คราวนี้เราเอาเคล็ดลับการไป “สัมภาษณ์งาน”ให้ผ่านฉลุยแม้เพิ่งเรียนจบรับรองว่าพูดอะไรออกไปก็ดูมืออาชีพสุด ๆ แนะนำตัวเองให้โดดเด่นน่าจดจำ คำถามข้อแรกที่ผู้สัมภาษณ์มักเอ่ยปากถามเราคือเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้เราแนะนำตัว เป็นการให้เราเล่าเรื่องตัวเองคร่าว ๆ หรือบอกพวกเขาว่าเราทำอะไรมาบ้าง ห้ามตื่นตระหนกเด็ดขาด แต่ก็ห้ามชิลเกินไป เพราะการเล่าเรื่องตัวเองนี่แหละที่จะดึงดูดความสนใจแรกของการ “สัมภาษณ์งาน” เลยทีเดียว เราจึงไม่ควรบอกแค่ชื่อ นามสกุล เรียนอะไรมา แต่ควรเตรียมเรื่องเล่าที่สามารถบอกความเป็นตัวเองได้อย่างกระชับและโดดเด่น โดยเลือกประสบการณ์ที่เราภูมิใจขึ้นมาสักหนึ่งอย่าง แล้วเล่าให้เขาฟังว่าเราทำอะไรมา เราเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นี้และประสบการณ์นี้ทำให้เรามั่นใจว่าจะนำมาใช้กับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร ข้อมูลองค์กรต้องแน่น หลายคนเตรียมข้อมูลส่วนตัวมาอย่างดี แต่พอไป “สัมภาษณ์งาน” กลับตกม้าตายเรื่องข้อมูลองค์กร โดยเฉพาะสาว ๆ จบใหม่ที่ร่อนใบสมัครงานไปหลายที่ หลายแห่ง จนบางครั้งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าที่มาสัมภาษณ์วันนี้คือองค์กรไหนกันแน่นะ? เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาด การหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะไปสัมภาษณ์งานด้วยนั้นสำคัญมาก แสดงถึงความมืออาชีพจากความใส่ใจ การเตรียมความพร้อม ที่สำคัญในการพูดคุยตลอดการสัมภาษณ์ถ้าเราแสดงให้เห็นว่าเราศึกษาข้อมูลขององค์กรเขาไว้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและต้องการได้งานนี้มากกว่าการไม่รู้อะไรเลยแน่นอน เตรียมตัวกับคำถามยอดฮิต แม้การสัมภาษณ์งานหลาย ๆ ครั้งจะไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ แต่หลายครั้งฝ่ายทรัพยากรบุคคลเองก็มีคำถามยอดฮิตที่เอาไว้ใช้คัดกรองบุคลิกภาพ ความตั้งใจ และไหวพริบเบื้องต้นอยู่ ไม่ว่าเราจะเตรียมตัว หรือเตรียมหลักฐานทางการศึกษามามากมายขนาดไหน […]

จบใหม่ อยากได้งาน มาดู “วิธีทำเรซู่เม่”ให้น่าเชื่อถือมาก แม้ประสบการณ์ยังไม่มาก

“วิธีทำเรซู่เม่” เราเข้าใจความรู้สึกดีว่าสาว ๆ หลายคนที่เพิ่งเรียนจบ แม้อาจจะมีประสบการณ์การทำงานไม่แน่นเหมือนรุ่นพี่ แต่เราก็มั่นใจว่าเรื่องไฟที่พุ่งแรงและความกระตือรือร้นเราไม่เป็นรองใครแน่ ๆ แต่หลายครั้งที่องค์กรบางแห่งยังไม่มั่นใจในศักยภาพของเรานัก BEAUTY HUNTER อยากตบบ่าให้กำลังใจว่า ห้ามท้อ! แล้วเอา “วิธีทำเรซู่เม่”ของเราไปใช้ รับรองว่าแม้ประสบการณ์ยังไม่มาก แต่น่าเชื่อถือจนได้งานทำอย่างที่หวังไว้แน่นอน ต้องไม่ยาวเกินไปจนน่าเบื่อ ความยาวของเรซูเม่ไม่ได้แปลว่าเราเก่งกาจ มีศักยภาพ หรือเคยทำกิจกรรมตอนเรียนมามากมายจนจำไม่หมด แต่เรซูเม่ที่ยาวเหยียดมากเกินไปจะทำให้เราดูไม่มืออาชีพ เพราะไม่สามารถจับประเด็น รวมประเด็นหรือสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น “วิธีทำเรซู่เม่”ให้ดูน่าเชื่อถือจึงไม่ควรยาวเกินไป จากการฟังความคิดเห็นของเอชอาร์มั้งหลายมานั้น ไม่ควรยาวเกิน 1 หน้าด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราสามารถรวบประเด็นได้ ดึงความสนใจดี เรซูเม่หน้าเดียวเนื้อ ๆ ย่อมดีกว่าสี่ห้าหน้าแบบน้ำ ๆ ไว้ถ้าเราได้รับเลือกให้เข้าสู่การสัมภาษณ์งาน ตอนนั้นจะแสดงผลงานหรือพูดเรื่องประสบการณ์เพิ่มเติมก็ไม่สายเกินไป ความสามารถต้องระบุให้ชัด สิ่งที่สาว ๆ จบใหม่อย่างเรากังวลใจที่สุดคือเรายังไม่มีประสบการณ์การทำงาน เราจึงกลัวว่าเรซูเม่ของเราจะโล่งว่างเกินไป เคล็ดลับก็คือทุกอย่างที่เราเรียนรู้และทำได้ถือเป็นประสบการณ์ทั้งสิ้น (แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องใส่ทุกกิจกรรมที่เคยทำตั้งแต่สมัยอนุบาลนะคะ) ลองใตร่ตรองดูว่าศักยภาพที่เด่น ๆ ของเราตอนนี้ได้มาจากกิจกรรมใด หรือประสบการณ์ไหนในช่วงที่เราเรียน จากนั้นระบุให้ชัด ไม่ต้องทำเป็นกราฟสุดตระการตา หรือแผนผังสวยอลังการ แค่บรรยายให้กระชับและได้ใจความ เช่น ดิฉันเคยเป็นประธานรุ่น ซึ่วเป็นที่มาของความเป็นผู้นำ การพูดในที่สาธารณะ […]

Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement