“สัมภาษณ์งาน”
การเป็นสาวจบใหม่ไฟแรงอะไรก็ดีไปหมด แต่ติดอย่างเดียวตรงที่เวลาโดนเรียกไป “สัมภาษณ์งาน”ทีไร เราก็ดันไม่มั่นใจในความสามารถและประสบการณ์ที่ยังไม่มาก ทำให้หลายครั้งการสัมภาษณ์แป้กไม่เป็นท่า แต่อย่าห่วงไปนะคะ BEAUTY HUNTER พร้อมเคียงข้างทุกสถานการณ์ คราวนี้เราเอาเคล็ดลับการไป “สัมภาษณ์งาน”ให้ผ่านฉลุยแม้เพิ่งเรียนจบรับรองว่าพูดอะไรออกไปก็ดูมืออาชีพสุด ๆ
แนะนำตัวเองให้โดดเด่นน่าจดจำ
คำถามข้อแรกที่ผู้สัมภาษณ์มักเอ่ยปากถามเราคือเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้เราแนะนำตัว เป็นการให้เราเล่าเรื่องตัวเองคร่าว ๆ หรือบอกพวกเขาว่าเราทำอะไรมาบ้าง ห้ามตื่นตระหนกเด็ดขาด แต่ก็ห้ามชิลเกินไป เพราะการเล่าเรื่องตัวเองนี่แหละที่จะดึงดูดความสนใจแรกของการ “สัมภาษณ์งาน” เลยทีเดียว
เราจึงไม่ควรบอกแค่ชื่อ นามสกุล เรียนอะไรมา แต่ควรเตรียมเรื่องเล่าที่สามารถบอกความเป็นตัวเองได้อย่างกระชับและโดดเด่น โดยเลือกประสบการณ์ที่เราภูมิใจขึ้นมาสักหนึ่งอย่าง แล้วเล่าให้เขาฟังว่าเราทำอะไรมา เราเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นี้และประสบการณ์นี้ทำให้เรามั่นใจว่าจะนำมาใช้กับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร
ข้อมูลองค์กรต้องแน่น
หลายคนเตรียมข้อมูลส่วนตัวมาอย่างดี แต่พอไป “สัมภาษณ์งาน” กลับตกม้าตายเรื่องข้อมูลองค์กร โดยเฉพาะสาว ๆ จบใหม่ที่ร่อนใบสมัครงานไปหลายที่ หลายแห่ง จนบางครั้งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าที่มาสัมภาษณ์วันนี้คือองค์กรไหนกันแน่นะ?
เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาด การหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะไปสัมภาษณ์งานด้วยนั้นสำคัญมาก แสดงถึงความมืออาชีพจากความใส่ใจ การเตรียมความพร้อม ที่สำคัญในการพูดคุยตลอดการสัมภาษณ์ถ้าเราแสดงให้เห็นว่าเราศึกษาข้อมูลขององค์กรเขาไว้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและต้องการได้งานนี้มากกว่าการไม่รู้อะไรเลยแน่นอน
เตรียมตัวกับคำถามยอดฮิต
แม้การสัมภาษณ์งานหลาย ๆ ครั้งจะไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ แต่หลายครั้งฝ่ายทรัพยากรบุคคลเองก็มีคำถามยอดฮิตที่เอาไว้ใช้คัดกรองบุคลิกภาพ ความตั้งใจ และไหวพริบเบื้องต้นอยู่ ไม่ว่าเราจะเตรียมตัว หรือเตรียมหลักฐานทางการศึกษามามากมายขนาดไหน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเราไม่สามารถตอบคำถามยอดฮิตได้
“คุณมีข้อดีข้อเสียอะไร”, “ ทำไมถึงอยากทำงานนี้”, “ทำไมเราต้องรับคุณเข้าทำงาน”, “คุณมองอาชีพนี้ในอนาคตไว้ว่าอย่างไร” ฯลฯ คำถามวัดใจ คำถามนางงามทั้งหลายเหล่านี้ห้ามมองข้าม ให้เราลองถามและตอบตัวเองหน้ากระจก รวมถึงเตรียมคำตอบที่คิดว่าเป็นตัวเองไว้ให้ดี บางทีความเป็นมืออาชีพก็ฉายแสงออกมาจากการตอบคำถามที่ดูเหมือนใคร ๆ ก็ถามเหล่านี้นี่แหละ
การโกหกไม่ช่วยอะไร
ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าเราเราจบใหม่ เราไม่เก่ง เราไม่มีประสบการณ์เพียงใด แต่สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดในการ “สัมภาษณ์งาน” คือการโกหก ไม่ว่าจะโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น เก่งขึ้น หรือเพื่อบอกว่าเรารู้ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้ หลาย ๆ ครั้ง ไม่ว่าเราจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน อาจจะมีบางคำถามที่เราไม่รู้จริง ๆ หรือยังไม่สามารถตอบได้ตอนนี้ การสารภาพตามตรงว่าไม่รู้ แต่จะพยายามเพิ่มเติม หรือจะรีบหาคำตอบมาให้ เป็นหนทางที่ดีกว่าการโกหกหรือแถไปเรื่อย ๆ แน่นอน เพราะคนสัมภาษณ์เขาดูออกว่าเราพูดจริงหรือโกหก
และที่อยากให้จำให้ขึ้นใจคือการไม่รู้ไม่ได้ถือเป็นความผิดร้ายแรงอย่างที่เรากลัว แต่การโกหกนั่นแหละที่บอกได้ถึงทัศนคติที่หลายองค์กรไม่ต้องการรับไว้แน่นอน
แพสชั่นสำคัญสุดๆ
ประสบการณ์ ความสามารถ ความชำนาญ เป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายครั้งที่องค์กรหลายแห่งเลือกรับสาว ๆ จบใหม่อย่างพวกเราเพราะความมุ่งมั่นตั้งใจ ไฟแรงลุกพรึ่บให้เขาเห็นตั้งแต่มาสัมภาษณ์งาน เพราะยิ่งเราแสดงให้เห็นถึงแพสชัน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และรักในงานนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้องค์กรเห็นว่าเราพร้อมจะเรียนรู้ พร้อมจะเดินหน้าไปด้วยกัน
ในทางกลับกันต่อให้มีประสบการณ์ล้น แต่หากใจห่อเหี่ยว ไม่กระตือรือร้น การจะร่วมงานกันก็อาจเป็นไปอย่างยากลำบาก ดังนั้นในการ “สัมภาษณ์งาน” ขอให้เราแสดงความเป็นตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจสุด ๆ ว่าอยากทำงานนี้ และต้องสามารถตอบให้ได้ว่าแพสชันที่เรามีเต็มเปี่ยมนี้จะช่วยให้องค์กรดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าตอบได้ รับรอง ผ่านฉลุย!
ถ้าเตรียม 5 ข้อนี้จนมั่นใจแล้ว ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ บอกตัวเองว่าการ “สัมภาษณ์งาน”ครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยการเตรียมตัวที่ดีของเรา ด้วยความเป็นตัวเองของเรา และด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยมของเรา ที่สำคัญอย่าลืมยิ้มอย่างจริงใจให้ผู้สัมภาษณ์ สบตาเขา และสื่อสารกับเขาอย่างดีที่สุด ขอให้โชคดีนะคะ