“ความรักในที่ทำงาน”
ขึ้นชื่อว่าเมล็ดพันธุ์แห่ง “ความรัก” ย่อมงอกงามโดยไม่เลือกที่และเวลา ไม่ว่าเราจะพยายามห้ามใจหรือรู้สึกถึงสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยขนาดไหน แต่รู้ตัวอีกที “ความรักในที่ทำงาน”ก็ผลิหน่อออกมาเสียแล้ว แทนที่จะทำลายความงดงามนั้นลง เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อมี “ความรักในที่ทำงาน” สาว ๆ ควรทำอะไรเพื่อให้รักนั้นเบ่งบานหรือควรเลี่ยงอะไรไม่ให้ความรักร่วงโรย แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่เสียงานด้วย!
เรื่องหึง เรื่องหวง ต้องพักก่อน
ตอนเป็นเพื่อนร่วมงานก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอตกบงปลงใจเป็นแฟนกันในที่ทำงานแล้้ว เราก็ดันรู้สึกหึง รู้สึกหวงสาว ๆ ทุกคนที่มาอยู่ใกล้เข้าเสียได้ เรามีสิทธิรู้สึกและอาจบอกหวานใจของเรารับรู้และวางตัวให้ดี แต่จำไว้ว่าเราไม่มีสิทธิอะไรไปแสดงอาการหึงหวงหรือชี้นิ้วสั่งห้ามสาว ๆ คนไหนทำงานกับหวานใจของเราเด็ดขาด ต่อให้รู้สึกมากล้น ก็ต้องเก็บไปคุยกันนอกรอบ เพื่อความเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญเพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเราเชื่อใจเขา ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็ก ๆ
ทะเลาะกันแค่ไหน ห้ามเล่นใหญ่ในออฟฟิศ
ลิ้นกับฟัน อยู่ใกล้กันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็ฯธรรมดา ยิ่งกลับบ้านก็เจอกัน อยู่ในที่ทำงานก็เจอกัน เราอาจมีเรื่องให้ทะเลาะกันมากกว่าคู่ที่ไม่ได้มีความรักในออฟฟิศด้วยซ้ำ แต่กฎเหล็กที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะทะเลาะกันแค่ไหนก็ห้ามเล่นใหญ่โวยวายใส่กันในที่ทำงานเด็ดขาด เราเองต้องเคารพและให้เกียรติสถานที่ทำงาน พอ ๆ กับที่ต้องให้เกียรติหวานใจของเรา
การงานสำคัญที่สุด
เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าความรักในที่ทำงาน ถ้าเกิดขึ้นกับคนในตำแหน่งเดียวกันก็ยังพอถูไถ แต่เพราะความรักไม่เลือกที่เกิด บางทีเราดันปิ๊งหนุ่ม ๆ ที่เราเป็นคนคุมทีมเขา หรือบางทีเราก็อาจปิ๊งเข้ากับเจ้านายที่ดูแลเรา วิธีการที่ดูเป็นมืออาชีพและไม่เสียงานที่สุดคือต้องตกลงกันให้เข้าใจว่าทันทีที่ก้าวขาเข้าออฟฟิศ เราคือเพื่อนร่วมงานที่หวังดีต่อกัน อะไรที่ทำให้งานออกมาดีที่สุด อีกฝั่งต้องทำได้อย่างมืออาชีพ ต้องรับฟังคำวิจารณ์ได้อย่างไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
อย่าลากเอาเพื่อนร่วมงานมาเกี่ยว
“พี่บอลคะ ฝากจับตาดูแฟนหนูทีนะคะว่าเถลไถลไหม” อาการฝากเพื่อนร่วมงานจับตามองแฟนเรา หรือคิดเอาว่าใครต้องอยู่ข้างใคร ไม่เป็นผลดีกับทั้งตัวเรา แฟนเรา และเพื่อน ๆ ในที่ทำงานแน่นอน ความสัมพันธ์ควรเป็นเรื่องของคนสองคนไม่เอาเพื่อนมาข้องเกี่ยวให้ต้องลำบากใจ โดยเฉพาะเพื่อนในที่ทำงานที่ต้องร่วมงานกันอย่างมืออาชีพไปอีกนาน เพราะถ้าวันไหนเรามีอันต้องเลิกกันไป เพื่อนจะได้ไม่ลำบากใจกับใครทั้งนั้น
วางตัวให้มืออาชีพ ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้
รู้ว่ารักกันมาก แต่มากแค่ไหนก็ไม่ควรแสดงออกถึงขั้นสัมผัส ชิดใกล้ในสถานที่ทำงานเด็ดขาด การหวานใส่กันจนถึงขั้นเนื้อถึงเนื้อ ออเซาะ หรือใช้คำพูดด้วยสรรพนามที่รู้กันสองคน ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในที่ทำงานของเราทั้งคู่ ดังนั้นพยายามวางตัวให้มืออาชีพ อาจไม่ต้องถึงขั้นปกปิดไม่ให้ใครรู้ แต่ก็อย่าทำให้ผลงาน ความรับผิดชอบ และความตั้งใจที่เราทำมา ต้องมาพังลงแค่เพราะคนจะคิดว่าเราวางตัวไม่เหมาะสมเลย
“ความรักในที่ทำงาน” ไม่ว่าจะเกิดแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่จากนี้ไปหลังจากมันเกิดขึ้นแล้วเราสามารถดูแลให้ความรักนี้งอกงามอย่างมืออาชีพและไม่เสียงานได้