“รักแบบผู้ใหญ่”
แม้ความรักมักจะเกิดขึ้นในวัยกุ๊กกิ๊ก วัยกำลังเรียน หรือช่วงชีวิตวัยรุ่นอันหอมหวานและสดใส แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่อาจมีความรักแบบเด็ก ๆ ไปได้ตลอดกาล ถ้าเราอยากไปข้างหน้า อยากเติบโตข้างกันไปจนแก่เฒ่า แค่ไปดูหนัง เที่ยวเล่นกันคงไม่พอ และนี่คือ 5 วิธีมี “รักแบบผู้ใหญ่” ที่นอกจากแม่จะปลื้มแล้ว ยังทำให้เราและหวานใจรู้จักที่จะวางอนาคตที่มีกันและกันได้อย่างมั่นคงด้วย
วางแผนรายปีร่วมกัน
การรักกันไปวัน ๆ ออกไปเดตกันเป็นรายครั้งหรือนัดกันล่วงหน้าครั้งละหนึ่งอาทิตย์ก็ไม่มีอะไรผิดตรงไหน แต่ถ้าอยากเริ่ม “รักแบบผู้ใหญ่” อยากเติบโตไปด้วยกัน ซิสอาจต้องค่อย ๆ ชวนหวานใจมาเริ่มวางแผนที่มากกว่าการไปเที่ยวแบบหวานแหวว โดยเริ่มต้น “รักแบบผู้ใหญ่” แบบแพลนล่วงหน้าหนึ่งปีอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงจังเป็นแค่ทริปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศของช่วงปีหน้าเพื่อที่ระหว่างนั้นจะได้ช่วยกันหาที่เที่ยวเก็บเงินหาตั๋วค่อยๆเริ่มไต่ระดับการวางแผนว่าเราจะคบกันยาวๆ
เป้าหมายระยะยาวของเขามีเราไหมนะ
“รักแบบผู้ใหญ่” หากพ้นไปจากการแพลนเรื่องราวของปีต่อปีแล้วเราอาจต้องลองคุยกันถึงเป้าหมายระยะที่ยาวกว่านั้นเช่นถ้าซิสกำลังเรียนมัธยมอยู่ก็ลองคุยกันว่าเขาอยากเรียนคณะอะไรมหาวิทยาลัยอะไรหรือมีแผนไปต่อต่างประเทศไหมส่วนถ้าเป็นวัยมหาวิทยาลัยหรือเพิ่งเริ่มทำงานก็ลองคุยกันดูว่าอยากทำงานอะไร
การถามเขาถึงเป้าหมายที่ไกลออกไป และบอกของเราช่วยให้เราเห็นหนทางมากขึ้นว่ามีเราอยู่ในแผนที่เขาวางไหม หรือสิ่งที่เราวางไว้มันพอจะปรับเข้าหากันได้บ้างหรือเปล่า เพราะถ้าเขาคิดว่าจะไปเรียนและทำงานต่างประเทศ แต่เราอยากอยู่เมืองไทยเพื่อดูแลครอบครัว มันอาจมีทางแยกเป็นเงื่อนไขของการเติบโตที่เราต้องครุ่นคิดร่วมด้วย
เงินออมก็เป็นเรื่องความรักแบบผู้ใหญ่
นอกจากเป้าหมายทั้งในแง่หน้าที่การงานและการแพลนทริปไปเที่ยวจะเป็นส่วนหนึ่งของ “รักแบบผู้ใหญ่” แล้ว สิ่งเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่รู้จักวางแผนการออมร่วมกัน ถ้าเรากับเขาแพลนจะไปญี่ปุ่นด้วยกันในปีหน้า แต่มีแค่เราคนเดียวที่เก็บเงินได้ถึงจำนวนที่จะไป แต่เขาไม่มีเงินเก็บสักบาท เราสองคนก็คงไม่อาจทำทริปในฝันให้เป็นจริงได้ ดังนั้น “รักแบบผู้ใหญ่” อาจเป็นการช่วยบอกช่วยเตือนช่วยวางแผนทางการเงินเพื่อให้แต่ละคนไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ร่วมกัน
เรามองการแต่งงานตรงกันหรือเปล่า
“รักแบบผู้ใหญ่” ไม่ได้แปลว่าต้องเติบโตข้าง ๆ กันไปเพื่อแต่งงานเท่านั้น แต่ถ้าเป้าหมายของการคบกันของเราคือการแต่งงาน แต่ของเขาคือการมีเพื่อนคู่ใจอยู่ข้าง ๆ กันไปเฉย ๆ ก็แปลว่าเป้าหมายเราสองคนอาจไม่ตรงกัน ไม่ได้แปลว่าเราต้องเลิกกับเขาคนนี้ตอนนี้ทันที แต่หมายความว่ายิ่งเรารู้เร็ว เราก็ยิ่งสามารถมี “รักแบบผู้ใหญ่” เพื่อคุยกันและหาทางออกได้เร็วขึ้น
ทัศนคติชีวิตเราตรงกันแค่ไหน
เพราะชีวิตคู่และ “รักแบบผู้ใหญ่” ไม่ได้มีแค่เรื่องแต่งงานเท่านั้น เพราะต่อให้เราคิดเรื่องแต่งงานตรงกันแต่ถ้าเรามีทัศนคติเรื่องชีวิตที่ต่างกันสุดกู่ก็ยากที่ “รักแบบผู้ใหญ่” จะเติบโตเคียงข้างกันไปตลอดรอดฝั่งได้ ดังนั้นลองถามเขาว่าเขามองชีวิตเป็นแบบไหน เพราะถ้าเราเป็นสายชิล ชอบอยู่เท่าที่มี พอใจในสิ่งที่เป็น ไม่ต้องรวยก็ได้ ไม่ต้องมีบ้านมีรถก็ได้ แต่เขาเป็นสายรักความก้าวหน้า อยากเติมเต็มความสำเร็จให้ชีวิตตลอดเวลา ทัศนคติของเราและเขาก็อาจต้องปรับเข้าหากันมากกว่าที่คิด
“รักแบบผู้ใหญ่” นั้นสามารถมีได้ไม่ว่าซิสจะยังเด็ก ยังวัยรุ่น หรือวัยไหน เพราะคำว่าความรักแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ถูกจำกัดความด้วยเกณฑ์ตัวเลขอายุ แต่หมายถึงวุฒิภาวะ ความคิด การรับฟังกันและกัน การเปิดใจกว้างที่จะให้คนคนนี้เติบโตเคียงข้างเราไปชั่วชีวิต