X

5 เหตุผลที่ “มนุษย์เงินเดือน” ไม่ควรมีรายได้ทางเดียว

Recommend 
Dec 21,2016
x W.
5 เหตุผลที่ “มนุษย์เงินเดือน” ไม่ควรมีรายได้ทางเดียว

ในวันที่โทรศัพท์มือถือแทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของทุกคนในยุคนี้ หลายคนคงจะเคยเจอสถานการณ์ชนิดที่ว่าเวลาออกไปนอกบ้านแล้วบังเอิญ Low Battery ! แบต แดง 0% ขึ้นมา เกิดเป็นความรู้สึกกระวนกระวายใจ จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ารู้แบบนี้น่าจะมีที่ชาร์จแบตเตอรี่สำรองติดไว้ หรือพกสายชาร์จแบตออกมาด้วยก็คงดี หรืออีกเคส ในตอนเช้าขณะแต่งหน้าอย่างเร่งรีบ อีก 10 นาทีจะไปสาย OMG ! รองพื้นตัวโปรด ปกปิดเนียนกริบ ระดับ HD เกิดหมดขึ้นมาดื้อๆซะงั้น แต่ดีนะในกรุเครื่องสำอางยังมี BB ครีมให้ใช้ทดแทนกันได้อยู่ ถึงจะปกปิดไม่เก๋เท่า แต่ก็พอไปวัดไปวา ออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจขึ้นละกัน

 

1oppo-r7-plus-smartphone-image-3

.

เอิ่ม….แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ เหตุผลที่มนุษย์เงินเดือน ไม่ควรมีรายได้ทางเดียว ????”

ใจเย็นค่าาาา เวิ่นเว้อกันมาพอสมควรแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า สาเหตุที่เราต้องชักแม่น้ำทั้งห้า ยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆ มาเล่าให้ฟังเนี่ย ก็เพื่อจะทำให้คุณๆได้เห็นภาพความสำคัญของ การมีตัวเลือกหลายทาง ชัดเจนขึ้นนั่นเองค่ะ การมีช้อยส์อื่นๆไว้รองรับความไม่แน่นอนในชีวิต ทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจขึ้นจริงมั้ยล่ะ ? ก็เหมือนกับ “รายได้” ของเรานั่นแหละ ถ้าคุณคิดว่า “เงินเดือน” คือรายได้ทางเดียวของคุณ และมันทำให้คุณมั่นคงเพียงพอแล้ว รู้ไว้ซะนะ ว่าคุณกำลัง “ประมาท” อย่างแรง มาค่ะ วันนี้ Beauty Hunter จะขออาสาพาคุณไปเข้าใจให้แจ่มแจ้ง ว่าทำไมมนุษย์เงินเดือน ไม่ควรมีรายได้ทางเดียว !


..

1.เรามองเห็นความไม่แน่นอน

การโฟกัสที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างตั้งใจ และทุ่มเทให้กับมันเป็นเรื่องที่ดีค่ะ อย่างการตั้งใจทำงานประจำอย่างเต็มที่ก็เช่นกัน ดีงามสนับสนุนค่ะ แต่คุณคะ ! เติบโตใช้ชีวิตกันมาถึงจุดนี้แล้ว อีกไม่นานผมหงอกกำลังจะมา ตีนกาจะถามหา ยอมรับเถอะค่ะ ว่าต้องเห็นภาพ “สัจธรรม” ของชีวิตอย่าง “ความไม่แน่นอน” กันมาหลายเคส ไม่พ้นแม้เต่เรื่อง “เงินเดือน” ที่คุณๆคิดกันว่าเป็นรายได้ที่มั่นคงสุดๆ สิ้นเดือนก็มีเงินโอนเข้าบัญชีให้ใช้สวยๆ

.

screen-shot-2016-11-25-at-10-35-50-am

.

คิดแบบนี้ คุณคิดผิดนะคะ ! ไม่มีอะไรแน่นอนและมั่นคงหรอก อย่าลืมนะว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ทั้งปัจจัยจากตัวคุณเอง อย่างเรื่องสุขภาพ ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดล้มป่วยขึ้นมา ไม่สามารถทำงานได้ล่ะ ? หรือปัจจัยภายนอก อย่างเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง หรือหนักสุดก็เรื่องภัยธรรมชาติที่คาดการณ์ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทั้งรัฐและเอกชนต่างเสียหายกันถ้วนหน้า แบบยากที่จะตั้งตัวทัน เรียกได้ว่าพังกันเป็นแถวๆ ซึ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจแล้ว การจะทำให้กิจการคงอยู่ได้ วิธีลดค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องจำเป็น แล้วรู้มั้ยคะ รายจ่ายที่ถือว่าหนักที่สุดในหลายๆธุรกิจคืออะไร ? คำตอบคือ “พนักงาน หรือ ลูกจ้าง” ดังนั้นถ้าสถานการณ์บีบบังคับ คุณคิดว่าเจ้าของธุรกิจเค้าจะทำยังไงล่ะ ? ลองทายดูนะ


 

 2.เรามีทางเลือกได้มากกว่าหนึ่ง

จะทำอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าของกินเล่นแถวออฟฟิศ ค่ากาแฟลาเต้หวานน้อย ค่าชาไข่มุก ค่าที่พัก ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่าสังสรรค์ ค่าช้อปปิ้งออนไลน์ ค่างวดบัตรเครดิต ค่าบุฟเฟ่ต์ที่ต้องไปกินทุกอาทิตย์ กรี๊ดดดดดดด ถ้าเป็นคนที่มีรายได้ทางเดียว แล้วยิ่งไม่มีเงินเก็บด้วยอย่างมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่แล้วละก็ เรียกได้ว่า “งานหมุน” ต้องมาค่ะ หมุนกันชนิดคาดิโอทวิสต์สิบตลบ พอบ้าง ไม่พอบ้าง ต้องลุ้นเอาอีกที บางทีฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็อาจจะต้องหยิบยืมเพื่อนฝูงคนใกล้ตัว หรือขอผ่อนผันเลื่อนไปก่อนด้วยประโยคใสๆ
“รอสิ้นเดือนก่อนได้มั้ยคะ ?”

.

screen-shot-2016-11-25-at-10-23-33-am

.

จะดีกว่ามั้ยถ้าคุณไม่ต้องเฝ้ารอวันที่ 30 / 31 อย่างใจจดใจจ่อ มือสั่นพร้อมพุ่งตัวไปที่ ATM ทุกสิ้นเดือน ปัญหานี้น่าจะคลี่คลายหากคุณมีรายได้จาก “หลายทาง” ซึ่งจะมาจากทางไหนก็แล้วแต่ จะเป็นงานฟรีเเลนซ์ ธุรกิจส่วนตัว หรือการลงทุนต่างๆ จะมากหรือน้อยก็ไม่สำคัญ บางงานถึงจะให้ผลตอบแทนเป็นรายได้ต่อเดือนเพียง 500-1,000 บาท คิดเป็นติ่งอันน้อยนิดของเงินเดือน แต่มันก็ช่วยเเบ่งเบาค่าใช่จ่ายต่างๆได้ แบบไม่ต้องนั่งรอความหวังตอนสิ้นเดือนอย่างเดียว โดยเราอาจจะกำหนดไปเลยว่าเงินรายได้เสริมส่วนนี้จะเก็บไว้จ่ายค่าโทรศัพท์นะ ค่าไฟนะ หรือ แบ่งเป็นเงินเก็บเลยทันที สรุปว่ามีรายได้หลายทาง มันดีกว่าทางเดียวแน่นอน เผลอๆ ทำไปทำมาอาชีพเสริมเหล่านี้อาจจะให้รายได้พอๆกับเงินเดือน หรือมากกว่าไปเลยก็ได้ ใครจะไปรู้


.

3.เราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างเอื้ออำนวย 

เหล่ามนุษย์เงินเดือนคะ สมัยนี้การจะมีรายได้หลายทางพร้อมทำงานประจำไปด้วย ไม่ใช่เรื่องในความฝันและจินตนาการอีกต่อไปค่ะ เพราะด้วยช่องทาง และเทคโนโลยีต่างๆที่พัฒนาไปมาก แม้แต่ลูกเล็กเด็กแดง น้องๆหนูๆวัยมัธยม วัยมหาลัย เค้ายังหารายได้กันตั้งแต่เรียนอยู่ได้เลยนะคะ ด้วยช่องทางออนไลน์นี่แหละ อย่างที่เห็นกันก็มีตั้งแต่ขายของออนไลน์ เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือสายวิชาการหน่อยเค้าก็มีการทำชีทสรุป เนื้อหาวิชาต่างๆออกมาขาย ได้ทั้งทบทวนความรู้ แถมยังสร้างรายได้อีก อันนี้ดีเว่อร์ ขอสนับสนุนค่ะ ดังนั้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา อย่ามีข้ออ้างนะคะว่าไม่มีเวลาทำ หรือทำไม่ได้ มันยุ่งยาก มันต้องใช้เงินทุนเยอะอะไรงี้ สติค่ะ ! แค่มีมือถือเครื่องเดียว ก็เป็นเจ้าของกิจการได้แล้ว จะขายของทางออนไลน์ ขายออกงานตามแฟร์ต่างๆที่มีจัดกันอยู่แทบจะทุกเสาร์อาทิตย์

.

รายได้

.

เดี๋ยวนี้ช่องทางหารายได้ใหม่ๆที่สนับสนุนให้มนุษย์เงินเดือนมีรายได้พิเศษก็มีผุดขึ้นมามากมาย อย่างทำงานออฟฟิศตอนกลางวัน ขากลับแอบแว๊บไปขับ Uber ( ขอกระซิบเลยว่ารายได้งามนะจ๊ะ) นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์หรือ Facebook Group ต่างๆที่เป็นศูนย์รวมงานฟรีแลนซ์ อย่างจ๊อบสอนพิเศษ งานแปลภาษา หรือจะไปในสายงานที่มีค่าลิขสิทธิ์ กิน Passive Income ได้ยาวๆ อย่างการแต่งเพลง การเขียนหนังสือ แต่ถ้าชอบความเสี่ยงหน่อย อาจจะลงทุนในหุ้นก็เท่ไม่เบา  หรือจะผันตัวเองไปเป็น Blogger / Online Influencer (ในด้านดีๆ) นำเสนอไลฟ์สไตล์ของตัวเอง หรือเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ ผ่านทาง Youtube หรือโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ก็เป็นไอเดียที่ดี สร้างรายได้ได้อย่างงาม คุณก็ทำได้ค่ะ ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจ และมีเป้าหมายที่แน่นอน ไฟท์ติ้งค่ะ


4.เรามีตัวอย่างดีๆ

ช่วงนี้ถ้าใครได้ลองแวะไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือ จะเห็นว่ามีหนังสือประเภทชี้แนะ ชักจูงให้คนลาออกจากงานประจำ จำพวกสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบอิสระ สนับสนุนให้คนลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เรียงรายอยู่เต็มแผง เรียกว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังฮอตมากๆ

.

pexels-photo

.

แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่สนับสนุนแนวคิดนี้ หนังสือที่เห็นว่าการทำงานประจำ ไปพร้อมกับหารายได้จากช่องทางอื่นไปพร้อมกันด้วย เป็นวิธีที่มั่นคงกว่า ก็มีอยู่ไม่น้อย อย่างตัวอย่างของพนักงานประจำที่ เป็นเจ้าของโรงแรมไปด้วย ครีเอทีฟโฆษณา ที่รับงานวาดภาพประกอบไปด้วยจนมีชื่อเสียง หรือสาวออฟฟิศที่รวยพอร์ตหุ้น เป็นต้น อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ต้องศึกษาแล้วตัดสินใจกันเองว่าอยากไปในแนวทางไหน แต่ถ้าไม่ถนัดอ่าน อาจจะลองเสิร์ชทาง Youtube ก็จะมีคลิปมาทั้งภาพและเสียง บอกเล่าเรื่องราวจากผู้มีประสบการณ์โดยตรง เรียกว่ามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ก็เลือกปรับใช้ ให้เหมาะสมกับตัวเองนะคะ


 . 

5.เราต้องไม่หยุดนิ่ง

เป็นธรรมดาถ้าคุณมีชั่วโมงการทำงานและประสบการณ์การทำงานประจำมาไปเป็นเวลานานๆหลายปี คุณย่อมได้เงินเดือนหรือโบนัสเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือได้คอมมิชชั่นอะไรก็ว่าไป ถูกต้องค่ะ ใช่ค่ะใช่ !

.

มนุษย์เงินเดือน

.

แต่อย่าลืมนะคะทุกอย่างมีวัฐจักรค่ะ เก่าไปใหม่มา หลายอย่างถูกแทนที่ได้ ธุรกิจบางอย่างในอนาคตบางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้คนในการทำงานมากมายเหมือนในตอนนี้ อาจจะเป็นการจ้างงานฟรีแลนซ์ มากกว่าจ้างพนักงานประจำ ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องการบริหารทรัพยากรบุคคล  หรือการเข้ามาแทนที่ตำแหน่งต่างๆด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถทำงานได้แม่นยำและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ช่วยลดต้นทุนของธุรกิจได้ หรือในบางครั้งองค์กรก็ต้องการคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีไฟ เพื่อเข้ามาพัฒนาธุรกิจ ซึ่งในบางครั้งเด็กรุ่นใหม่ก็มีความรู้ ความสามารถไม่แพ้คนที่อยู่มานาน (หรือมากกว่าเสียด้วยซ้ำ) ในมูลค่าเงินเดือนที่น้อยกว่าเกินครึ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์เงินเดือนรุ่นเก๋าๆที่สะสมประสบการณ์มาค่อนชีวิต ถ้าคุณไม่ตระหนักถึงจุดนี้ มัวคิดว่าทำมานาน ตัวเองเก่งที่สุด ดีที่สุด ทุกอย่างมั่นคงแล้ว จนลืมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ตามไม่ทันความก้าวหน้า และสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไป และไม่เคยมองหาช่องทางรายได้ทางอื่นพร้อมๆกันไปด้วยกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็บอกได้เลยว่า เสี่ยงค่ะ !


เป็นยังไงกันบ้างคะ ? หลายคนน่าจะเห็นความสำคัญของการมีรายได้หลายทาง กันมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราขอย้ำว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยค่ะ เป็นเรื่องที่คุณต้องพิจารณาอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีรายได้หลายทางจะไปได้สวยเสมอ คนที่ทำงานประจำเพียงอย่างเดียวแล้วประสบความสำเร็จสุดๆก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มาก ของแบบนี้ต้องลองค่ะ ไม่เสียหาย เริ่มต้นจากอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่คุณรู้สึกว่าคุณทำได้ดี และมีความสุขที่จะทำสิคะ Beauty Hunter ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ : )

Advertisement
W.
Advertisement

Advertisement