ของบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเรา บางครั้งเราอาจจะมองข้ามมันไปด้วยความเคยชิน เพราะคิดว่าเห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่รู้มั้ย ? ถ้าเราได้ลองสังเกตสิ่งที่อยู่รอบๆตัว ลองใส่ใจและตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆมากขึ้น จะพบกับ “ความสนุก” และ “ความรู้” มากมายซ่อนอยู่ เหมือนกับ “โลโก้” ของแบรนด์ดังต่างๆ ที่ล้วนแฝงไปด้วยความหมายดีๆ ชนิดที่คิดไม่ถึง น่าสนใจมากๆ อย่ารอช้า ไปส่องกันเลยดีกว่า : )
Amazon
เริ่มกันด้วย Amazon เว็บไซต์อีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ของโลก ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับโลโก้กันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าสังเกตดีๆโลโกนี้มีความหมายซ่อนอยู่ด้วยนะ เริ่มจากลูกศรสีส้มที่ลากจากตัว A ไปที่ ตัว Z สื่อความหมายว่า Amazon มีทุกอย่างให้เลือกสรร สากเบือยันเรือรบเท่าที่คุณจะนึกได้ตั้งแต่อักษร A ถึง Z ! และถ้าสังเกตลูกศรนี้จะดูโค้งคล้ายรอยยิ้ม สื่อถึงความสุขที่ได้รับจากการบริการของ Amazom ยังไงล่ะ : )
Adidas
อาดิดาส (Adidas) แบรนด์สินค้าเกี่ยวกับกีฬาชื่อดัง ต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี โดยผู้ก่อตั้ง คือ แอดดิ ดาสเลอร์ (Adolf, Adi Dassler) ซึ่งชื่อของเค้าก็กลายเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ด้วยนั่นเอง ส่วนโลโก้ของแบรนด์นั้นมีการพัฒนามาหลายยุค สำหรับ “โลโก้” อันนี้มีชื่อว่า The Triangle หรือ Adidas Performance เป็นเส้นแถบเรียงกันคล้าย 3 เหลี่ยม ดูแล้วเหมือนภูเขา สื่อถึงความท้าทายและการมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่นักกีฬาต้องเผชิญหน้าและพิชิตมา !
Starbucks
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันร้านกาแฟสุดฮอตอย่าง Starbucks จะมีการปรับภาพลักษณ์ “โลโก้” ให้ดูเรียบง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปจากโลโก้และเป็นเหมือนภาพจำของแบรนด์นี้ไปแล้วนั่นก็คือ “รูปหญิงสาวผมยาว” กลางโลโก้ เคยสงสัยกันมั้ย ว่าเธอคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ? จริงๆแล้วเธอไม่ใช่คน แต่เป็น “เงือกไซเรน” นางเงือกที่มีสองหางในนิทานปรัมปรา ที่มักจากหลอกล่อนักเดินเรือให้ลุ่มหลงในเสียงอันไพเราะของนาง แฝงนัยยะของกาแฟ ที่มีคาเฟอีนกล่อมประสาท ทำให้เรารู้สึกติดและหลงรักมันนั่นเอง
Baskin Robbins
แบรนด์ไอศกรีมที่ทำให้ใครหลายคนตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่หลงรักในความอร่อยมาเนิ่นนานนี้ โลโก้ของแบรนด์ก็มีความหมายซ่อนอยู่เหมือนกันนะ ลองสังเกตดูสิ ที่ตัวอักร “B” และ “R” ระหว่างสองตัวอักษรนี้ดูแล้วจะเห็นเป็นเลข 31 สีชมพู สื่อความหมายถึงรสชาติของไอศกรีมแสนอร่อย ที่มีให้เลือกชิมหลากหลายรสถึง 31 รสชาตินั่นเอง !
Mercedes–Benz
เห็นตราสัญลักษณ์นี้ทีไรก็นึกความหรูหราขึ้นมาทันที สมกับที่มาของชื่อแบรนด์ อย่าง “เมอร์เซเดส” ที่หมายถึง “ความสง่างาม” และสำหรับโลโก้ดาวสามแฉกที่เราเห็นเฉิดฉายกันหน้ารถเบนซ์คันหรูนั้น เป็นโลโก้ที่ได้รับการออกแบบและจดทะเบียนขึ้นตั้งแต่ปี 1909 นัยยะของมันสื่อถึงเครื่องยนต์ของแบรนด์ที่สามารถเป็นเจ้ายานยนต์ได้ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นบริษัททำธุรกิจพัฒนาเครื่องยนต์หลายประเภทมาก่อนนั่นเอง
FedEx
FedEx หรือชื่อเดิมแบบเต็มๆ คือ Federal Express เป็นบริษัทขนส่งสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย เฟรด สมิธ นายทหารเรือสหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2514 ให้บริการขนส่งตั้งแต่เอกสาร ไปจนถึงสินค้าขนาดใหญ่ ทั้งทางบก และทางอากาศ โดยความหมายของโลโก้ FedEx ที่ซ่อนอยู่และหลายคนอาจยังไม่รู้ คือระหว่างตัวอักษร E และ X จะดูเหมือนเป็นรูปลูกศร แสดงถึงการพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วนั่นเอง
มาถึงโลโก้ต่อมา ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเห็นกันอยู่เกือบทุกวันเลยล่ะ จะทำอะไร จะหาข้อมูลอะไรก็ต้องพึ่งอากู๋ หรือ “Google” เสมอ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มี Google จะอยู่ได้ยังไง และสำหรับ “โลโก้” ของกูเกิ้ลนั้น ช่างดูเรียบง่าย เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่จริงๆแล้วเค้ามีความหมายซ่อนอยู่นะ เริ่มจากสีสันก่อนเลยโลโก้ของกูเกิ้ลเลือกใช้สีที่หลากหลาย สื่อถึงความสนุก ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแม่สี ยกเว้นตัว L ที่เป็นสีเขียวซึ่งเป็นสีที่เกิดจากการผสมจากแม่สี สื่อถึงการคิดนอกกรอบ ไม่อยู่ในกฏเกณฑ์นั่นเอง !
Apple
แบรนด์ไอที ทรงอิทธิพลของวงการและของโลก ที่มีสาวกอยู่เป็นจำนวนมากนี้ เหล่าสาวกรวมถึงคนทั่วไปอาจจะพอทราบกันมาบ้างว่าก่อนที่โลโก้จะออกมาเป็นรูปแบบนี้ ทางบริษัทได้มีการพัฒนามาหลายแบบมาก ตั้งแต่แบบที่แอปเปิ้ลไม่มีรอยแหว่ง หรือแบบที่เป็นสีรุ้ง จนกลายมาเป็นโลโก้ในปัจจุบัน สาเหตุที่รูปแอปเปิ้ลมีรอยแหว่งนั้น เค้าบอกว่าป้องกันการที่คนมองแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นลูกเชอรี่ นอกจากนี้ Rob Janoff ผู้ออกแบบยังให้เหตุผลว่ารอยแหว่งที่เกิดจากการกัด (Bite) ยังไปพ้องเสียงกับคำว่า Byte ที่หมายถึงหน่วยความจำในคอมพิวเตอร์อีกด้วย !
7-Eleven
เคยได้ยินกันมั้ย เรื่องที่เค้าเล่ากันถึงเหตุผลที่ ตัว n ในโลโก้ของร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. ขวัญใจมวลชนอย่าง 7-Eleven เป็นตัวเล็กอยู่ตัวเดียว ทั้งๆที่ตัวอักษณตัวอื่นเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด ? คำตอบที่เป็นกระแสมากๆบอกว่า n เล็ก มีรูปร่างคล้ายกับแม่เหล็ก ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวดูดเงินเข้าร้าน ซึ่งหลายคนเชื่อไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เราแอบไปค้นข้อมูลกันมาแล้วพบว่า ความเชื่อนี้ “ไม่เป็นความจริง” อย่างแรกเลยนะ เซเว่นเริ่มก่อตั้งที่เท็กซัส ประเทศอเมริกา ไม่ใช่เอเซีย ชาวตะวันตกคงจะไม่สนใจเรื่องความเชื่อพวกนี้มากนัก จึงมีชาวเน็ตเริ่มขุดคุ้ยเรื่องนี้ และมีการสอบถามไปทางผู้เกี่ยวข้อง ได้ข้อเท็จจริงดังนี้ คือ เดิมทีนั้น คำว่า ELEVEN ในโลโก้ดั้งเดิมล้วนเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่ทั้งหมด ต่อมาในยุค 1960s มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ นักออกแบบแนะนำว่า ตัว N ใหญ่มีความเป็นเหลี่ยมมากไป ดูแข็งกระด้าง ให้เปลี่ยนใหม่เป็นตัว n เล็ก จะทำให้ได้ดูมีส่วนโค้งสมูธ ดูสวยงามขึ้น เอวัง เรื่องมันก็เป็นด้วยประการฉะนี้แหละจ้า