“การพูด”
การถูกปฏิเสธถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์อย่างเราจะต้องพบต้องเจอะต้องเจอ แต่พวกเธอก็ไม่ต้องร้องไห้เสียใจอะไรให้มากมายนะคะ เพราะมันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญมากๆ เหมือนการถูกนินทาแหละค่ะ แต่สำหรับซิสเตอร์ที่รักความท้าทาย ชอบการเอาชนะ หรือมีอาชีพที่ต้องพูดขายปิดดีลให้ได้เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง เราก็มีทักษะใน “การพูด” ที่จะทำให้คุณสามารถเปลี่ยน No ให้กลายเป็น Yes ด้วยมนตร์สะกดของการพูดกันค่ะ
คงจะสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะ แต่เดี๋ยวก่อนอื่น เรามาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ กันดีกว่า โดยเราจะยกตัวอย่างอาชีพที่ดูจะต้องใช้การพูดโน้มน้าวใจเป็นสิ่งสำคัญ นั้นก็คือเหล่าสาวๆ นักขายทั้งหลาย ซึ่งซิสนักขายต้องระลึกไว้ในหัวตลอดว่าการขายไม่ใช่การที่เราต้องไปพูดใส่เขาอย่างเดียว เพราะสองสิ่งที่จะทำให้ซิสปิดดีลได้ก็คือ การเข้าใจความต้องการของผู้ซื้อ และ การนำเสนอสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขา
โดยเวลาเราเสนอขายอะไรไปแล้วถูกปฏิเสธจะมี 3 วิธี ให้เราได้เลือกปฏิบัติค่ะ
อ่อนแอก็แพ้ไป คำนี้ยังใช้ได้เรื่อยๆ นะคะ โดยกรณีนี้ คือการเป็นปฏิเสธแล้วเรายอมแพ้ทันที ไม่มีบทสนทนาอะไรเพิ่มเติมต่อจากนี้ มันทำให้โอกาสที่ซิสจะเปลี่ยนแปลง No ให้กลายเป็น Yes เท่ากับ 0%
พูดต่อไปเรื่อยๆ ด้วยจิตศรัทธาอันแรงกล้า หวังว่าปาฏิหาริย์บังเกิด แต่พอเถิด..เถอะค่ะซิส เพราะเราคิดว่ามันอาจจะไม่เวิร์คนักที่จะพูดไป โดยไม่ใส่ใจผู้ที่ฟังและที่สำคัญมันดูจะน่ารำคาญซะด้วยซ้ำ แต่มันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะเปลี่ยน No ให้กลายเป็น Yes ได้อยู่นะคะ ซึ่งเปอเซ็นต์ก็ไม่มากมายอะไร แค่ประมาณ 1% ถ้วน เท่ากับการจะเกิดปาฏิหาริย์ได้อย่างที่ซิสเชื่อแหละค่ะ
พยายามหาคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ก็คือการสวมบท Smart Girl ที่เข้าอกเข้าใจโลกและพร้อมที่จะยืนมือเข้าช่วยเขา โดยอย่างแรกเลย ที่ซิสควรจะพูดเมื่อตอนถูกปฏิเสธก็คือ เราเข้าใจ มันจะทำให้ผู้ที่เรากำลังดีลด้วยรู้สึกว่า เรารับรู้พร้อมความใส่ใจและเคารพในคำปฏิเสธนั้น หลังจากนั้นก็เป็นการป้ายยาต่อค่ะ โดยประโยชน์ถัดมาก็คือ แต่ขอโทษนะคะ อันนี้สงสัยเป็นการส่วนตัว ว่า……. ประโยชน์นี้จะทำให้ทุกอย่างดูซอฟท์ลงเป็นปุยนุ่นเลยค่ะ และเป็นการต่อบทสนทนาที่จะทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลและรู้ถึงปัญหาของนางได้ แล้วเราก็นำสิ่งที่ได้มาประมวลค่ะ ว่าจะทำอย่างไรกับนางต่อดี ซึ่งจะทำให้เปอร์เซ็นต์ในการจะเปลี่ยน No ให้กลายเป็น Yes นั้นเพิ่มขึ้นถึง 10-50% เลยทีเดียว
มาวินๆ กันดีค่า วิธีก่อนหน้านี้ก็ดีมากๆ แล้ว แต่ถ้าต้องการจะเพิ่มให้เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จนั้นมากขึ้นไปอีก เราก็ต้องลองวาดฝันจินตนาการ ให้อีกฝ่ายเห็นว่าข้อเสนอที่เราให้ไปนั้นมันจะทำให้เราทั้งคู่นั้นประสบการณ์ความสำเร็จร่วมกันได้อย่างไร โดยใช้ประโยคในรูปแบบที่ว่า ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราทำอันนี้ร่วมกันมันจะส่งผลดีอย่างนี้นะ……….. ซึ่งจะสามารถเพิ่มเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะตกลงกับเรา 15-60% เลยทีเดียว
สรุปนะคะซิส ว่ามนตร์สะกดในการพูด ที่จะเปลี่ยน No ให้เป็น Yes ของเราก็คือการพยายามทำให้บทสนทนานั้นดำเนินไปต่อ รู้จักที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี พร้อมกับประโยคเด็ดที่จะทำให้บรรยากาศการสนทนาไม่ตึงเครียดก็คือ เราเข้าใจที่คุณปฏิเสธ และต่อด้วย แต่ขอโทษนะคะ อันนี้สงสัยเป็นการส่วนตัว ว่า…… ด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งจะทำให้ไม่ครั้งนี้ก็ครั้งหน้า เขาจะต้องมีโอกาสเป็นลูกค้าของซิสอย่างแน่นอนค่ะ แต่มีข้อควรระวังอยู่นิดนึงคือต้องระวังอย่าให้การพูดประโยคนี้ดูโพล่งออกมาแบบดูไม่นอบน้อม เพราะมันจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณดูไม่โตงอแงเป็นเด็ก ซึ่งมันอาจจะทำให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดศูนย์เปล่านะคะซิส นี่รักนะ เลยเตือนไว้ก่อน และเพิ่มคอมโบด้วยการวาดฝันกับคู่สนทนาด้วย ถ้าเราทำอันนี้ร่วมกันมันจะส่งผลดีอย่างนี้นะ……….. เป็นการเพิ่่มความสำเร็จของดีลนี้ขึ้นไปอีก รู้แล้วก็อย่าลืมเอาไปปรับใช้กับเรื่องอื่นๆ ก็ได้นะ แต่ตอนนี้ไปละ Ciao…….!
Photo Credit : pinterest giphy
Content Credit: inc
