“เพลง”
“บทเรียนชีวิต” เป็นสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งคุณสามารถหาได้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ทั้งจากประสบการณ์ของตัวเอง คนใกล้ชิด หนังสือ รวมไปถึง “เพลง” ซึ่งนอกจากจะไพเราะให้ความบันเทิงแล้ว หลายๆบทเพลงถ้าคุณลองตั้งใจฟังมันด้วยใจมันก็เหมือนเป็น “บทเรียน” ดีๆ ช่วยสอนอะไรในชีวิตหลายแง่มุมได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับบทเพลงเหล่านี้ที่ BEAUTY HUNTER นำฝากกันค่ะ : )
.
.
.
“ความสุข”
.
เริ่มต้นที่เพลงเเรก “ความสุข” เพลงประกอบภาพยนตร์ที่สร้างจากวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ.2549 อย่างเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านเสียงร้องนุ่มๆของ “นภ พรชำนิ” เป็นบทเพลงที่เราอยากให้ทุกคนมีติดไว้ใน Playlist เมื่อใดที่มีความทุกข์ก็จงเปิดฟัง รวมถึงเมื่อคุณรู้ตัวว่ากำลังมีความสุขก็ควรเปิดฟังด้วยเช่นกัน เพราะเพลงนี้จะช่วยย้ำเตือนให้คุณมีสติเข้าใจถึง “สัจธรรม” ของชีวิต ว่าไม่มีสิ่งใดอยู่กับเราไปตลอดหรอก จะเป็นความทุกข์ ความโศกสันต์ ความรื่นเริง ลาภยศรางวัลใดๆก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่ามันจะทำให้คุณชอกช้ำ หรือ ทำให้ชีวิตคุณสวยงามแค่ไหน สุดท้ายแล้ววันหนึ่งมันก็จะผ่านไป โลกจะหมุนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ จงอยู่กับความสุขและความทุกข์ด้วยความเข้าใจ ใช้วันเวลาปัจจุบันที่มีให้คุ้มค่าและทำมันอย่างมีความหมายที่สุด อย่าจมอยู่กับความทุกข์และอย่าหลงในความสุข มีสติอยู่เสมอค่ะ : )
.
“ล้มบ้างก็ได้”
.
คนทุกคนต้องเคยมีปัญหา และก็คงไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่เราจะฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปได้โดยไม่มีบาดแผลเลย บางครั้งคุณอาจจะชนะ แต่บางครั้งคุณก็อาจจะพ่ายแพ้ล้มลง ทั้งหมดนั้นคือ “บทเรียนของชีวิต” ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเรื่องผิดเลย ที่คุณจะยอมแพ้บ้าง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเเล้วนั้น ผลของมันจะให้สอนให้คุณเข้มแข็งขึ้น ปล่อยให้ตัวเองได้เจ็บ ได้ลองผิดลองถูกบ้าง มันจะเป็นบทเรียนดีๆที่คุณจะหาซื้อจากที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง แล้ววันหนึ่งที่คุณมองย้อนกลับมา บาดแผลที่เกิดขึ้นซึ่งเคยทำให้คุณเจ็บช้ำนั้น มันจะกลายเป็นเพียงแค่แผลสดที่ตกสะเก็ด ความสำเร็จของคุณหลังจากนี้มันจะมีความหมายกว่าเดิมมาก ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่คุณล้มเป็น และกล้าที่ลุกขึ้นมาเดินต่อไปด้วยความเข้าใจ พร้อมประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับบทเรียนมาค่ะ
.
“ก้อนหินก้อนนั้น”
.
ความทุกข์บางครั้งมันเกิดจากปัจจัยภายนอกก็จริง แต่ทุกครั้งความทุกข์มันยังคงอยู่เพราะปัจจัยภายในอย่างตัวของเราเองนี่แหละที่แบกมันไว้ เหมือนในเพลงนี้ที่บอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้เห็นภาพชัดเจน ของการเลือกที่จะ “ปล่อยวาง” เปรียบกับการที่เรากำก้อนหินเอาไว้และบีบมันแรงๆ ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร เจ็บมือใช่มั้ย ? สิ่งนี้ก็เหมือนกับการที่เราเอาความทุกข์มาถือไว้ และแบกรับมันไว้ด้วยความเจ็บปวด เพียงแค่เราลองโยนมันออกไปให้ไกลสุดสายตา ไม่รับมันมาใส่ใจ ชีวิตของเราก็จะเป็นสุข ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเราแบกรับมันเอาไว้เองทั้งสั้น ชีวิตของคุณมีทางเลือกเสมอค่ะ อยู่ที่คุณแล้วว่าจะเก็บมันเอาไว้ หรือแแค่ปล่อยวาง
“อย่าอยู่อย่างอยาก”
.
คุณมีความฝันหรือเปล่าคะ ? เราเชื่อว่าทุกคนมีความฝันค่ะ ฟังเสียงหัวใจคุณให้ดีๆ มันกำลังเรียกร้องอะไรอยู่ บางครั้งคุณอาจจะรู้ตัวดีว่าคุณต้องการอะไร แต่คุณเองนั่นแหละที่ไม่กล้าเอาชนะใจตัวเอง เพื่อออกตามหาสิ่งที่คุณต้องการ เพราะกลัวอุปสรรค กลัวความไม่แน่นอน กลัวความลำบาก ก็เหมือนกับการล่องเรือไปในทะเล ถ้าคุณมัวแต่กลัวคลื่นลมแรง แล้วเมื่อไหร่คุณจะไปถึงอีกฝั่งที่สวยงามที่คุณวาดฝันไว้ล่ะ ? ไม่เสียดายเหรอคะ คนเราเกิดมาทั้งที บางครั้งมันก็ต้องลองเสี่ยงบ้าง “อย่า อยู่ อย่าง อยาก” เลือกแล้วต้องลองให้รู้ อยู่เฉยๆไม่ออกไปเผชิญกับปัญหา ความฝันก็ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้หรอกนะ
.
“ฤดูที่แตกต่าง”
.
ชีวิตของเราทุกคนมีขึ้นและมีลง ไม่มีใครที่ชีวิตจะสงบนิ่งเป็นเส้นตรงได้เสมอในทุกวัน ถ้าจะนิ่งได้ขนาดนั้นเห็นทีคุณคงต้อง “ไม่มีชีวิต” แต่รู้มั้ยทุกจังหวะของชีวิต ดีบ้างร้ายบ้างนั้นมันก็เหมือนกับฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนไป ทุกฤดูมีข้อดีและข้อเสียของมันเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกมอง ถ้าวันหนึ่งวันใดคุณต้องเจอกับเรื่องร้ายๆในชีวิตเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ ขอเพียงอดทนเอาไว้ก่อนสักวันนึงมันก็จางและหายไป และฟ้าหลังฝนก็จะงดงามเสมอ คุ้มค่ากับสิ่งที่คุณเฝ้ารอ ความแตกต่างที่คุณได้เห็นในช่วงที่เป็นสุข และเป็นทุกข์นั้นจะสอนอะไรคุณได้หลายอย่าง ทั้งการมองโลกในแง่ของความจริง โลกนี้เป็นสีเทา ไม่มีสิ่งใดขาวสนิท หรือดำสนิท อีกทั้งยังทำให้คุณรู้ว่าในวันที่ชีวิตของคุณต้องเจอกับฤดูที่โหดร้าย ใครกันที่พร้อมจะกางร่มเดินฝ่าพายุฝนไปพร้อมกับคุณหรือแม้ไม่มีใครคุณก็ได้พิสูจน์ความเข้มแข็งในตัวเอง แบบที่คุณเองก็ไม่เคยคิดว่า เราจะเข้มแข็งได้มากขนาดนี้
