X

8 เวลาดื่มน้ำที่ดีที่สุด หยุดร่างกาย Error ฉบับถาวร

Activities & News 
Oct 30,2024
x Wonglada Chanklin

บิ๊วชวนทำความเข้าใจ ! ว่าทำไมการดื่มน้ำถึงมีผลต่อผิวพรรณ รูปร่าง และสุขภาพถึงขนาดนี้✨ เพราะร่างกายคนเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 70% ในหนึ่งวันเราจึงควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วร่างกายควรได้รับน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน แตกต่างกันตามช่วงวัย เพศ น้ำหนัก รวมถึงพฤติกรรมของแต่ละคน แต่รู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำในแต่ละช่วงเวลานั้นก็มีส่วนช่วยเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ระบบย่อยอาหาร หรือการทำงานของร่างกายและสมอง เป็นต้น วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปดูว่าการดื่มน้ำในแต่ละช่วงเวลาจะช่วยเสริมระบบการทำงานของร่างกายอย่างไรบ้าง ⁉️


8 เวลาดื่มน้ำที่ดีที่สุด หยุดร่างกาย Error ฉบับถาวร

1. หลังตื่นนอน🌥️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1-1.5 แก้ว (เวลา 06:30-07:00 น.)

การดื่มน้ำหลังตื่นนอนเป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากที่เรานอนหลับตลอดทั้งคืน ร่างกายจะอยู่ในภาวะขาดน้ำเนื่องจากไม่ได้รับน้ำเป็นเวลานาน การดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนในช่วงเวลา 06:30-07:00 น. จึงช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากพักผ่อนในช่วงกลางคืน และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ อย่างกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและตับ ช่วยขับของเสียที่ตกค้างในร่างกายออกมาได้

 

2. ก่อนมื้ออาหารเช้า🌥️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1 แก้ว (เวลา 08:00 น.) 

การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเช้าประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง มีส่วนช่วยกระตุ้นน้ำย่อยและเตรียมกระเพาะอาหารให้พร้อมสำหรับการย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด ปรับระบบการเผาผลาญ และช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น และในบางคนการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารยังช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นด้วย

 

3. ช่วงสายระหว่างวัน🌤️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1-1.5 แก้ว (เวลา 09:00-11:00 น.)

ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เริ่มกิจวัตรประจำวัน จำเป็นต้องใช้พลังงานในการทำงาน การดื่มน้ำจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความสดชื่น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ซึ่งการขาดน้ำเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้สมองทำงานช้าและอาจมีอาการหลงลืมได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องทำงานหรือจำเป็นต้องใช้ความคิดระหว่างวันจึงควรดื่มน้ำประมาณ 1-1.5 แก้ว ในช่วงเวลานี้นั่นเอง

 

4. ก่อนมื้ออาหารกลางวัน🌤️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1 แก้ว (เวลา 12:00 น.)

การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารกลางวัน มีส่วนช่วยเสริมให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้กระเพาะอาหารพร้อมย่อยอาหารที่กำลังจะรับประทานเข้าไป และป้องกันอาการท้องอืดหรือแน่นท้องหลังมื้ออาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดการทานอาหารมากเกินไป เนื่องจากน้ำจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นด้วย

5. ช่วงบ่ายหรือหลังมื้ออาหาร⛅ ควรดื่มน้ำประมาณ 1-1.5 แก้ว (เวลา 13:00-16:00 น.)

ช่วงบ่ายถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายและสมองผ่านการทำงานจนอาจรู้สึกเหนื่อยล้า การดื่มน้ำในช่วงเวลานี้จะช่วยเพิ่มความสดชื่น เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย เป็นการเตรียมความพร้อมร่างกายให้เผชิญกับการทำงานต่อตลอดทั้งวัน 

6. ก่อนมื้ออาหารเย็น🌥️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1 แก้ว (เวลา 17:00-18:00 น.)

ช่วงเวลา 17:00-18:00 น. เป็นช่วงเวลาที่การเผาผลาญของร่างกายช้าลง การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเย็นในช่วงนี้ จึงมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยป้องกันอาการแน่นท้องหรือท้องอืดหลังมื้ออาหารเย็นได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร เพราะมื้อเย็นเป็นมื้ออาหารที่หลายคนมักจะรับประทานเยอะมากกว่ามื้ออื่นๆ

 

7. หลังมื้ออาหารเย็น☁️ ควรดื่มน้ำประมาณ 1 แก้ว (เวลา 19:00-21:00 น.)

การดื่มน้ำหลังมื้ออาหารเย็นมีส่วนช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร ช่วยให้การเคลื่อนตัวของอาหารผ่านระบบทางเดินอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงการเป็นกรดไหลย้อน และยังช่วยล้างสารพิษ หรือสิ่งตกค้างต่างๆ ในร่างกายที่อาจเกิดจากอาหารมื้อเย็นที่ทานเข้าไป และยังเป็นการเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการพักผ่อนในช่วงกลางคืนด้วย

 

8. ก่อนเข้านอน🌠 ควรดื่มน้ำประมาณ 0.5-1 แก้ว (ก่อนเวลา 24:00 น.) 

การดื่มน้ำก่อนเข้านอนช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลของของเหลวขณะนอนหลับ ช่วยป้องกันการขาดน้ำในช่วงกลางคืน แต่ควรดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อป้องการตื่นมาปัสสาวะกลางดึกจนรบกวนการนอนหรือช่วงเวลาพักผ่อน อีกทั้งการจิบน้ำเล็กน้อยในช่วงเวลานี้ ยังช่วยให้การทำงานของระบบขับถ่าย และช่วยให้ร่างกายขจัดของเสียออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น 

จะเห็นว่าการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนโฟกัสและมองข้ามไปคือแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่กลับไม่ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดของน้ำที่ดื่มเข้าไป และสารปนเปื้อนหรือสารตกค้างในน้ำดื่มนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่าในน้ำเปล่าที่เราดื่มเข้าไปนั้นสะอาดจริงหรือไม่ เพราะสิ่งปนเปื้อนหรือสารตกค้างในน้ำดื่มสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำดื่มทุกหยดที่เราได้ดื่มเข้าสู่ร่างกายนั้นเป็นน้ำดื่มที่สะอาด ห่างไกลสิ่งปนเปื้อนและสารตกค้างที่อันตราย การติดตั้งเครื่องกรองน้ำที่ดีสำหรับใช้ภายในบ้านเรือนจึงนับเป็นการลงทุนเรื่องสุขอนามัยของคนในครอบครัวระยะยาว เครื่องกรองน้ำ eSpring เครื่องกรองน้ำประสิทธิภาพสูง สามารถกำจัดแบคทีเรียและไวรัสได้สูง 99.99% และกำจัดซีสต์ได้ถึง 99.9%*,*** และยังผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล NSF/ANSI 42, 53, 55 และ 401 ที่สามารถกรองไมโครพลาสติกและกำจัดสิ่งปนเปื้อนได้มากกว่า 170 ชนิด*,** และคงไว้ซึ่งแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย มั่นใจได้ว่าน้ำทุกหยดที่เข้าสู่ร่างกายนั้นสะอาด และยังได้รับคุณประโยชน์จากแร่ธาตุอีกด้วย

✳️ เครื่องกรองน้ำ อีสปริง ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับน้ำประปาที่ผ่านการบำบัดเพื่อการบริโภคแล้วเท่านั้น ไม่มีผลในการป้องกันหรือบรรเทาโรค

✳️ ผ่านการทดสอบโดยห้องทดลองอิสระตามมาตรฐาน NSF (NSF/ANSI 42, 53, 55 และ 401) อีกทั้งในส่วนของการทดสอบการลดสารปนเปื้อนนอกเหนือจากในมาตรฐาน NSF ก็ได้รับการรับรองจาก NSF International

✳️ ผ่านการทดสอบโดยห้องทดลองอิสระตามมาตรฐาน NSF/ANSI 55 โดยใช้ qBeta bacteriophage เป็นเชื้ออ้างอิงในการทดสอบ


Beauty Hunter มีอีกหลายบทความที่น่าสนใจ ตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ

ติดตามอัพเดทต่าง ๆ ได้ที่นี่เลยจ้า FB: Beauty Hunter (Thailand)

Advertisement
Wonglada Chanklin
Advertisement
Advertisement
Advertisement

Advertisement