💦 ไขความลับ! ไฮยาลูรอน เคล็ดลับเติมผิวฉ่ำชุ่มชื้นที่ทุกคนควรได้ 🩵
💬 ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยจากวงการความงาม และโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าไฮยาลูรอนคืออะไร และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวอย่างไรบ้าง ? ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ชะลอความแก่ และปกป้องผิวได้จริงหรือไม่ ? วันนี้ Beauty Hunter ชวนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้เลยค่ะ 🩵
สารบัญ 💦ไฮยาลูรอน
1. ทำความรู้จัก ไฮยาลูรอน คืออะไร ?
2. ผิวที่ขาดไฮยาลูรอนมีลักษณะอย่างไร ?
3. ประโยชน์ของไฮยาลูรอน
- ไฮยาลูรอน บำรุงผิว
- ไฮยาลูรอน รักษาโรค
4. ไฮยาลูรอนเหมาะกับใครบ้าง ?
5. วิธีการใช้ไฮยาลูรอน ?
- ไฮยาลูรอนแบบทา
- ไฮยาลูรอนแบบกิน
- ไฮยาลูรอนแบบฉีด
6. ไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มอันตรายไหม มีผลข้างเคียงไหม ?
7. ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ?
8. วิธีป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมมีอะไรบ้าง ?
💧 ทำความรู้จัก ไฮยาลูรอน คืออะไร ?
💬 ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) คือ สารชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ โดยเป็นกลุ่มโมเลกุลน้ำตาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Polysaccharide พบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกาย
โดยไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากกว่า 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ด้วยเหตุนี้จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินในชั้นผิวหนัง และช่วยคงอ่อนเยาว์ของผิวได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณไฮยาลูรอนในร่างกายจะค่อย ๆ ผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นลดลง ส่งผลให้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพดูแห้งกร้าน มีริ้วรอย และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
ด้วยเหตุนี้ในทางการแพทย์จึงได้มีการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนขึ้นมาใช้ เพื่อทดแทนกรดไฮยาลูรอนในส่วนที่ร่างกายผลิตได้น้อยลง เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว เติมน้ำให้ผิวเด้งฟู ดูอิ่มน้ำ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และรักษาคุณภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💧 ผิวที่ขาดไฮยาลูรอนมีลักษณะอย่างไร ?
💬 ไฮยาลูรอนคือสารที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง โดยอยู่ในชั้นผิวหนังแท้เป็นจำนวนมาก หากผิวขาดไฮยาลูรอน จะทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น กลายเป็นผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำ และดูหมองคล้ำ ซึ่งทำให้คุณภาพผิวเสื่อมลง เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น และทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจรุนแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งครีมบำรุงที่ใช้อาจไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ทำให้รู้สึกว่าการใช้ครีมไม่ได้ผลเท่าที่ควร การดูแลผิวด้วยการเติมไฮยาลูรอนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยฟื้นฟู และรักษาสภาพผิวให้ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน และลดปัญหาผิวที่เกิดจากการขาดความชุ่มชื้นได้
💧 ประโยชน์ของไฮยาลูรอน
หลาย ๆ คนอาจคุ้นเคยกับไฮยาลูรอนในด้านของความสวยความงาม แต่ความจริงแล้วไฮยาลูรอนนั้นมีประโยชน์ในการใช้รักษาโรคบางอย่างได้เช่นกัน โดยประโยชน์หลัก ๆ ของไฮยาลูรอนมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้
✨ ไฮยาลูรอน บำรุงผิว
หลังจากอายุมากกว่า 20 ปี ร่างกายจะเริ่มผลิตไฮยาลูรอนได้น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มแห้ง และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไฮยาลูรอนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อผิวอย่างมากเพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี และยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังนี้
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวฉ่ำเด้ง มีความยืดหยุ่น
- ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียนขึ้น
- ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำ
- ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำ
- ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
- ช่วยเพิ่มทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
- ช่วยปรับรูปหน้าได้หลายตำแหน่งในรูปแบบของฟิลเลอร์
ด้วยประโยชน์เหล่านี้จึงทำให้ไฮยาลูรอนเป็นสารที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้บำรุงผิวพรรณ เพื่อความสวยงาม และช่วยรักษาสภาพผิวให้คงความอ่อนเยาว์
✨ ไฮยาลูรอน รักษาโรค
ไฮยาลูรอน ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA ให้สามารถฉีดบำบัดรักษา และบรรเทาอาการของโรคโดยเฉพาะ เช่น
- โรคข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ หรืออาการข้อไหล่ติด
- ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกจากโรคกระดูกพรุน
- ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดบริเวณข้อ
นอกจากนี้ ไฮยาลูรอน สามารถใช้ระหว่างการผ่าตัดดวงตา ซ่อมแซมจอประสาทตาถลอกได้ และยังเป็นยารักษาอาการภายนอกได้หลายอย่าง เช่น
(ไฮยาลูรอนถูกใช้ในรูปแบบของยาหยอดตา ช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้)
- รักษาโรคตา เช่น ตาต้อกระจก และตาแห้ง โดยไฮยาลูรอนถูกใช้ในรูปแบบของยาหยอดตาเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาได้
- รักษาแผลในปาก
- สมานแผลไฟไหม้
- รักษาการบาดเจ็บของผิวหนัง
การใช้ไฮยาลูรอนในทางการแพทย์มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
💧 ไฮยาลูรอนเหมาะกับใครบ้าง ?
💬 ไฮยาลูรอนนั้นเป็นสารสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างผิวเป็นจำนวนมาก หากขาดไฮยาลูรอนไปอาจสร้างปัญหาได้ไม่น้อย ดังนั้นผู้ที่เหมาะกับการใช้ไฮยาลูรอน มีดังนี้
- ผู้ที่ผิวมีความแห้งกร้านมาก ขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ผิวเริ่มมีริ้วรอย หรือเห็นริ้วรอยได้เด่นชัด และเกิดความหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ผิวมีร่องลึก มีส่วนของเนื้อที่ยุบลงจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเสริมปรับรูปหน้าในส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ขมับ คาง โดยไม่ต้องการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการคงสภาพผิวให้มีความอ่อนวัย ดูเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี
- ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยที่มาพร้อมวัยในอนาคต
💧 วิธีการใช้ไฮยาลูรอน ?
ปัจจุบันไฮยาลูรอนถูกนำมาใช้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งาน และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยหลัก ๆ แล้วมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ดังนี้
✨ ไฮยาลูรอนแบบทา
💬 ไฮยาลูรอนแบบทาเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกในการดูแลผิว โดยมักเป็นส่วนผสมหลักที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น ครีมบำรุง มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่ม เอสเซนส์ และเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเข้มข้นสูง เนื้อบางเบา และซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ไฮยาลูรอนในรูปแบบทานิยมใช้กันอย่างมาก เพราะใช้งานง่าย สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้ความสม่ำเสมอ และอาศัยระยะเวลานานในการเห็นผลลัพธ์
✨ ไฮยาลูรอนแบบกิน
ไฮยาลูรอนที่มาในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลนั้นช่วยเพิ่มความสะดวกเพราะสามารถกินเข้าไปเพื่อให้ร่างกายดูดซึม และนำไปใช้งานได้เลย โดยไฮยาลูรอนอยู่ในรูปแบบของอาหารเสริม วิตามินที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน และสารสกัดที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ช่วยบำรุงผิวจากภายใน เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้ผิว การใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบกินจำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และมีความต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้อาจมีความเสี่ยงหากไม่ระมัดระวังหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ
✨ ไฮยาลูรอนแบบฉีด
💬 ไฮยาลูรอนในรูปแบบของฟิลเลอร์หรือการฉีดสารเติมเต็มเป็นที่นิยมใช้ในคลินิกเสริมความงามเพราะสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และผลลัพธ์อยู่ได้นาน โดยฟิลเลอร์มีส่วนประกอบหลักคือไฮยาลูรอน ซึ่งใช้ฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น เสริมในส่วนที่มีปัญหา และใช้ปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีหลังฉีดแต่ข้อควรระวังคือ ต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้คุณภาพ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดผลข้างเคียงได้
💧 ไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มอันตรายไหม มีผลข้างเคียงไหม ?
💬 การฉีดไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มไม่อันตราย หากฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มไฮยาลูรอนในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ และทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ วิธีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบนี้ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก
โดยหลังจากฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนแล้ว อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย เช่น มีรอยแดงหรือรอยเข็มบริเวณที่ฉีด อาการบวมแดงชั่วคราว อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายใน 7- 14 วัน
💧 ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ?
💬 ไฮยาลูรอนถือเป็นสารที่มีความปลอดภัย เนื่องจากไฮยาลูรอนถูกสร้างเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย อย่างไรก็ตามควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะทาบนผิวหนังหรือฉีดเข้าร่างกาย เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงในผู้ใช้บางรายได้ เนื่องจากไฮยาลูรอนที่ใช้ทางการแพทย์มักเป็นสารสังเคราะห์ที่สกัดจากแบคทีเรียชนิด Bacillus subtilis จึงอาจทำให้เกิดอาการแพ้จากโปรตีนของแบคทีเรียชนิดนี้
ดังนั้น กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารไฮยาลูรอน ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่เคยเป็นมะเร็ง เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่าคนทั่วไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ไฮยาลูรอนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
💧 วิธีป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมมีอะไรบ้าง ?
💬 การป้องกันการเสื่อมสภาพของไฮยาลูรอนในร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- กินอาหารที่เป็นประโยชน์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว, มะเขือเทศ, องุ่น,สตรอว์เบอร์รี่ และถั่วแอลมอนด์ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่ดีต่อผิว เช่น ของมัน, ของทอด และของหวาน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และดูแก่กว่าวัยได
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเหมาะกับวัย และสภาพผิว
(หลบเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB )
- ปกป้องผิวจากแสงแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดตรง ๆ ใช้ครีมกันแดดป้องกันรังสี UVA และ UVB เพื่อช่วยลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีการซ่อมแซม ฟื้นฟูตัวเอง เสริมสร้างไฮยาลูรอน และคอลลาเจนภายในชั้นผิว
- ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์, ทำ Hifu , Ulthera SPT, Thermage FLX เพื่อช่วยลดริ้วรอยในอนาคต
การดูแลตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้จะช่วยให้สามารถรักษาระดับไฮยาลูรอนในร่างกายได้ ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ดูกระชับ และช่วยลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💬 สรุป
ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก มีบทบาทสำคัญในการบำรุง และฟื้นฟูผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพได้ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายผลิตไฮยาลูรอนได้น้อยลงทำให้ผิวเริ่มแห้ง ลอก มีริ้วรอยได้ จึงต้องมีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ครีม เซรั่ม ฟิลเลอร์ และอาหารเสริม เพื่อช่วยให้ผิวดูนุ่มชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี
อย่างไรก็ตามควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์กับความต้องการ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ไฮยาลูรอนเพื่อให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Beauty Hunter มีอีกหลายบทความที่น่าสนใจ ตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ
- “ซีรี่ส์เกาหลี” ตลก ขำน้ำตาเล็ด คลายเครียดกันหน่อยจ้า!!
- ทริคเลือก “รองเท้า” แบบไหน ใส่แล้วขาเรียว ยาว!!
- “ซีรีส์เกาหลี” หมอหล่อ บอกต่อด้วยจ้า!!
- 7 “หนังผี” สยองขวัญไทย หลอนจนเป็นตำนาน
- “ซงคัง” ซีรี่ส์ที่แฟนตัวจริงห้ามพลาด! ปังทุกเรื่อง!
- “น้ำหอม” ตัวไหนที่ดาราใช้ มีอะไรบ้าง?
- พระเอก”ซีรี่ย์จีน”มาแรง 10 อันดับ(เปิดวาป)
- 8 “ซีรี่ส์เกาหลี” สุดปังของพระเอกสุดฮอต “จงซอก” ที่ห้ามพลาด!!
- มัดรวม15 “ซีรีส์จีน” มาแรงครบรสใน WeTV ไม่ดูไม่ได้!!
- “หนังซอมบี้” 12 เรื่องหนีตายแบบลุ้นระทึกทั้งเรื่อง ไม่ดูไม่ได้!!
- “แต่งหน้าเกาหลี” 7 เทคนิคสำหรับสาวหน้าฝอ
- “โซจู” 7 สูตรผสมยอดฮิต อร่อย กินง่าย!!
- “บอร์ดเกม” สายบลัฟ ทำลายมิตรภาพ
ติดตามอัพเดทต่าง ๆ ได้ที่นี่เลยจ้า FB: Beauty Hunter (Thailand)