X

ไฮยาลูรอน เผยเคล็ดลับเติมความชุ่มชื้นให้ผิว คืออะไร ? เหมาะกับใคร ?

Activities & News 
Jul 04,2024
x Wonglada Chanklin
ไฮยาลูรอน เผยเคล็ดลับเติมความชุ่มชื้นให้ผิว คืออะไร ? เหมาะกับใคร ?

💦 ไขความลับ! ไฮยาลูรอน เคล็ดลับเติมผิวฉ่ำชุ่มชื้นที่ทุกคนควรได้ 🩵

ไฮยาลูรอน

💬 ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยจากวงการความงาม และโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าไฮยาลูรอนคืออะไร และมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวอย่างไรบ้าง ? ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ชะลอความแก่ และปกป้องผิวได้จริงหรือไม่ ? วันนี้ Beauty Hunter ชวนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้เลยค่ะ 🩵

 

สารบัญ 💦ไฮยาลูรอน

1. ทำความรู้จัก ไฮยาลูรอน คืออะไร ?

2. ผิวที่ขาดไฮยาลูรอนมีลักษณะอย่างไร ?

3. ประโยชน์ของไฮยาลูรอน

  • ไฮยาลูรอน บำรุงผิว
  • ไฮยาลูรอน รักษาโรค

4. ไฮยาลูรอนเหมาะกับใครบ้าง ?

5. วิธีการใช้ไฮยาลูรอน ?

  • ไฮยาลูรอนแบบทา
  • ไฮยาลูรอนแบบกิน
  • ไฮยาลูรอนแบบฉีด

6. ไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มอันตรายไหม มีผลข้างเคียงไหม ?

7. ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ?

8. วิธีป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมมีอะไรบ้าง ?


💧 ทำความรู้จัก ไฮยาลูรอน คืออะไร ?

ไฮยาลูรอนคืออะไร

💬 ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) คือ สารชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ โดยเป็นกลุ่มโมเลกุลน้ำตาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Polysaccharide พบได้ตามเนื้อเยื่อของร่างกาย 

โดยไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากกว่า 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ด้วยเหตุนี้จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินในชั้นผิวหนัง และช่วยคงอ่อนเยาว์ของผิวได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณไฮยาลูรอนในร่างกายจะค่อย ๆ ผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นลดลง ส่งผลให้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพดูแห้งกร้าน มีริ้วรอย และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา

ด้วยเหตุนี้ในทางการแพทย์จึงได้มีการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนขึ้นมาใช้ เพื่อทดแทนกรดไฮยาลูรอนในส่วนที่ร่างกายผลิตได้น้อยลง เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว เติมน้ำให้ผิวเด้งฟู ดูอิ่มน้ำ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และรักษาคุณภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

💧 ผิวที่ขาดไฮยาลูรอนมีลักษณะอย่างไร ?

ผิวขาดไฮยาลูรอนเป็นอย่างไร

💬 ไฮยาลูรอนคือสารที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง โดยอยู่ในชั้นผิวหนังแท้เป็นจำนวนมาก หากผิวขาดไฮยาลูรอน จะทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น กลายเป็นผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำ และดูหมองคล้ำ ซึ่งทำให้คุณภาพผิวเสื่อมลง เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น และทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจรุนแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งครีมบำรุงที่ใช้อาจไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ทำให้รู้สึกว่าการใช้ครีมไม่ได้ผลเท่าที่ควร  การดูแลผิวด้วยการเติมไฮยาลูรอนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยฟื้นฟู และรักษาสภาพผิวให้ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน และลดปัญหาผิวที่เกิดจากการขาดความชุ่มชื้นได้

 

💧 ประโยชน์ของไฮยาลูรอน

หลาย ๆ คนอาจคุ้นเคยกับไฮยาลูรอนในด้านของความสวยความงาม แต่ความจริงแล้วไฮยาลูรอนนั้นมีประโยชน์ในการใช้รักษาโรคบางอย่างได้เช่นกัน โดยประโยชน์หลัก ๆ ของไฮยาลูรอนมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

✨ ไฮยาลูรอน บำรุงผิว

หลังจากอายุมากกว่า 20 ปี ร่างกายจะเริ่มผลิตไฮยาลูรอนได้น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มแห้ง และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไฮยาลูรอนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อผิวอย่างมากเพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี และยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังนี้

  • ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวฉ่ำเด้ง มีความยืดหยุ่น
  • ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียนขึ้น
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก 
  • ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำ
  • ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำ
  • ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
  • ช่วยเพิ่มทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น
  • ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต 
  • ช่วยปรับรูปหน้าได้หลายตำแหน่งในรูปแบบของฟิลเลอร์ 

ด้วยประโยชน์เหล่านี้จึงทำให้ไฮยาลูรอนเป็นสารที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้บำรุงผิวพรรณ เพื่อความสวยงาม และช่วยรักษาสภาพผิวให้คงความอ่อนเยาว์

✨ ไฮยาลูรอน รักษาโรค

ไฮยาลูรอน ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA ให้สามารถฉีดบำบัดรักษา และบรรเทาอาการของโรคโดยเฉพาะ เช่น 

  • โรคข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง 
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ หรืออาการข้อไหล่ติด
  • ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกจากโรคกระดูกพรุน
  • ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดบริเวณข้อ

นอกจากนี้ ไฮยาลูรอน สามารถใช้ระหว่างการผ่าตัดดวงตา ซ่อมแซมจอประสาทตาถลอกได้ และยังเป็นยารักษาอาการภายนอกได้หลายอย่าง เช่น 

ไฮยาลูรอนช่วยรักษาอาการตาแห้ง

(ไฮยาลูรอนถูกใช้ในรูปแบบของยาหยอดตา ช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้)
  • รักษาโรคตา เช่น ตาต้อกระจก และตาแห้ง โดยไฮยาลูรอนถูกใช้ในรูปแบบของยาหยอดตาเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาได้
  • รักษาแผลในปาก
  • สมานแผลไฟไหม้
  • รักษาการบาดเจ็บของผิวหนัง

การใช้ไฮยาลูรอนในทางการแพทย์มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

💧 ไฮยาลูรอนเหมาะกับใครบ้าง ?

💬 ไฮยาลูรอนนั้นเป็นสารสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างผิวเป็นจำนวนมาก หากขาดไฮยาลูรอนไปอาจสร้างปัญหาได้ไม่น้อย ดังนั้นผู้ที่เหมาะกับการใช้ไฮยาลูรอน มีดังนี้  

  • ผู้ที่ผิวมีความแห้งกร้านมาก ขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ผิวเริ่มมีริ้วรอย หรือเห็นริ้วรอยได้เด่นชัด และเกิดความหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่ผิวมีร่องลึก มีส่วนของเนื้อที่ยุบลงจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเสริมปรับรูปหน้าในส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ขมับ คาง โดยไม่ต้องการผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการคงสภาพผิวให้มีความอ่อนวัย ดูเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี
  • ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยที่มาพร้อมวัยในอนาคต

💧 วิธีการใช้ไฮยาลูรอน ?

ปัจจุบันไฮยาลูรอนถูกนำมาใช้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งาน และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยหลัก ๆ แล้วมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ดังนี้

✨ ไฮยาลูรอนแบบทา

ไฮยาลูรอนแบบทา

💬 ไฮยาลูรอนแบบทาเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกในการดูแลผิว โดยมักเป็นส่วนผสมหลักที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น ครีมบำรุง มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่ม เอสเซนส์ และเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเข้มข้นสูง เนื้อบางเบา และซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว 

ไฮยาลูรอนในรูปแบบทานิยมใช้กันอย่างมาก เพราะใช้งานง่าย สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้ความสม่ำเสมอ และอาศัยระยะเวลานานในการเห็นผลลัพธ์ 

✨ ไฮยาลูรอนแบบกิน

ไฮยาลูรอนที่มาในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลนั้นช่วยเพิ่มความสะดวกเพราะสามารถกินเข้าไปเพื่อให้ร่างกายดูดซึม และนำไปใช้งานได้เลย โดยไฮยาลูรอนอยู่ในรูปแบบของอาหารเสริม วิตามินที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน และสารสกัดที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ช่วยบำรุงผิวจากภายใน เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้ผิว การใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบกินจำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และมีความต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้อาจมีความเสี่ยงหากไม่ระมัดระวังหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ

✨ ไฮยาลูรอนแบบฉีด

ไฮยาลูรอนแบบฉีด

💬 ไฮยาลูรอนในรูปแบบของฟิลเลอร์หรือการฉีดสารเติมเต็มเป็นที่นิยมใช้ในคลินิกเสริมความงามเพราะสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และผลลัพธ์อยู่ได้นาน โดยฟิลเลอร์มีส่วนประกอบหลักคือไฮยาลูรอน ซึ่งใช้ฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น เสริมในส่วนที่มีปัญหา และใช้ปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีหลังฉีดแต่ข้อควรระวังคือ ต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้คุณภาพ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดผลข้างเคียงได้

 

💧 ไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มอันตรายไหม มีผลข้างเคียงไหม ?

💬 การฉีดไฮยาลูรอนในรูปแบบสารเติมเต็มไม่อันตราย หากฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มไฮยาลูรอนในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ และทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ วิธีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบนี้ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก

โดยหลังจากฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนแล้ว อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย เช่น มีรอยแดงหรือรอยเข็มบริเวณที่ฉีด อาการบวมแดงชั่วคราว อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายใน 7- 14 วัน 

 

💧 ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ?

💬 ไฮยาลูรอนถือเป็นสารที่มีความปลอดภัย เนื่องจากไฮยาลูรอนถูกสร้างเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย อย่างไรก็ตามควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะทาบนผิวหนังหรือฉีดเข้าร่างกาย เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงในผู้ใช้บางรายได้ เนื่องจากไฮยาลูรอนที่ใช้ทางการแพทย์มักเป็นสารสังเคราะห์ที่สกัดจากแบคทีเรียชนิด Bacillus subtilis จึงอาจทำให้เกิดอาการแพ้จากโปรตีนของแบคทีเรียชนิดนี้

ดังนั้น กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารไฮยาลูรอน ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่เคยเป็นมะเร็ง เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่าคนทั่วไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ไฮยาลูรอนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

💧 วิธีป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อมมีอะไรบ้าง ? 

💬 การป้องกันการเสื่อมสภาพของไฮยาลูรอนในร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  • กินอาหารที่เป็นประโยชน์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว, มะเขือเทศ, องุ่น,สตรอว์เบอร์รี่ และถั่วแอลมอนด์ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่ดีต่อผิว เช่น ของมัน, ของทอด และของหวาน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และดูแก่กว่าวัยได
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเหมาะกับวัย และสภาพผิว

วิธีป้องกันไม่ให้ไฮยาลูรอนในร่างกายเสื่อม

(หลบเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB )
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดตรง ๆ ใช้ครีมกันแดดป้องกันรังสี UVA และ UVB เพื่อช่วยลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีการซ่อมแซม ฟื้นฟูตัวเอง เสริมสร้างไฮยาลูรอน และคอลลาเจนภายในชั้นผิว
  • ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์, ทำ Hifu , Ulthera SPT, Thermage FLX เพื่อช่วยลดริ้วรอยในอนาคต

การดูแลตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้จะช่วยให้สามารถรักษาระดับไฮยาลูรอนในร่างกายได้ ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ดูกระชับ และช่วยลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

💬 สรุป

ไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูโรนิก มีบทบาทสำคัญในการบำรุง และฟื้นฟูผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพได้ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายผลิตไฮยาลูรอนได้น้อยลงทำให้ผิวเริ่มแห้ง ลอก มีริ้วรอยได้ จึงต้องมีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ครีม เซรั่ม ฟิลเลอร์ และอาหารเสริม เพื่อช่วยให้ผิวดูนุ่มชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี 

 

อย่างไรก็ตามควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์กับความต้องการ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ไฮยาลูรอนเพื่อให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


Beauty Hunter มีอีกหลายบทความที่น่าสนใจ ตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ

ติดตามอัพเดทต่าง ๆ ได้ที่นี่เลยจ้า FB: Beauty Hunter (Thailand)

Advertisement
Wonglada Chanklin
Advertisement

Advertisement