น้ำตาที่สะสมมาทั้งชีวิตเหมือนจะมีอันต้องทะลักไหลออกมารัว ๆ เมื่อรู้ตัวว่า “กำลังอกหัก” โอ๋ ๆ ไม่เอานะคะซิส สวย ๆ อย่างเราไว้หาใหม่ก็ได้ แต่ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าสักวันจะต้องมีความรักครั้งใหม่มาให้เลือกเป็นสิบเป็นร้อย แต่อาการอกหักก็คืออาการอกหักอยู่วันยังค่ำ มันทั้งทุรนทุราย เสียใจ โหยหา อยากได้เขากลับคืนมาอยู่ตลอด รู้ไหมคะว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนี้อยู่คนเดียว ใคร ๆ ก็เป็น และมันมีเหตุผลระดับสมองและหลักจิตวิทยาซ่อนอยู่ในอาการอกหักด้วย!
Guy Winch คือนักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือเรื่อง How to Fix a Broken Heart (จะเยียวยาอาการอกหักได้อย่างไร?) เปิดเผยว่าการอกหักไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ค่ะซิส ใครที่คิดว่าการอกหักเป็นเรื่องมโนไปเองคงต้องคิดใหม่ เพราะจากการสแกนสมองพบว่าการที่เราผิดหวังจากความรักสุดโรแมนติกนั้น กลไกในสมองเราทำงานเช่นเดียวกับการเลิกยาเสพติดอย่างโคเคนเลยทีเดียว อ่ะ ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือการเลิกกับผู้นั้นอาการเราเหมือนเลิกจากสิ่งเสพติด (น่ากลัวเหลือเกินค่ะคุณขา) จึงไม่แปลกที่เราอาจจะเกิดการลงแดงจากการขาดผู้ชายที่เรารักได้
ดังนั้นความรู้สึกต่าง ๆ จากการอกหักจึงไม่ใช่เรื่องไก่กาในจินตนาการของสาว ๆ ผู้ฝันเฟื่องอย่างเรา แต่มันเป็นความจริงที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากสุด ๆ แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน BEAUTY HUNTER ก็จะอยู่เคียงข้างสาว ๆ ทุกคนให้ผ่านวิกฤตสุดเลวร้ายครั้งนี้ไปให้ได้!
โยนมือถือไปให้ไกล โซเชียลมีเดียมันทำร้ายใจสุด ๆ
อันตรายอันดับหนึ่งของการอกหักคือ “โซเชียลมีเดีย” โซเชียลมีเดียธรรมดาก็อันตรายต่อการกระตุ้นให้ฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นา ๆ มากพอแล้ว แต่ที่หนักคือ “การส่องโซเชียลมีเดียของแฟนเก่า” เพราะมันจะทำให้เราคิดอะไรมั่วไปหมด ไหนจะคิดว่าเขาทำอะไร เขาอยู่กับใคร เขาคิดถึงเราบ้างไหม ซึ่งตามหลักจิตวิทยาการกระทำแบบนี้มีแต่จะรั้งเราไว้ให้อยู่กับความคิดเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเขา และก้าวต่อไปไม่ได้สักที
คำถามซ้ำ ๆ ห้ามกระหน่ำถามตัวเอง
“ทำไมเราเลิกกัน”
“ฉันไม่ดีตรงไหน”
“อะไรทำให้ให้เธอหมดรักฉัน”
หยุดเดี๋ยวนี้เลย! หยุดตรงนี้ที่นี่ทันทีค่ะ! เจ๊รู้ดีถึงหัวอกคนอกหักรักสลายว่าใจมันจะงมงายอยู่กับคำถามวน ๆ ซ้ำ ๆ ถึงความผิดตัวเองหรือสาเหตุที่ทำให้เลิกกัน มันจะอยากกลับไปแก้ไขใจจะขาด แต่จงจำไว้ว่า “มันผ่านไปแล้ว” และ “เราแก้อะไรไม่ได้อีกต่อไป” การถามคำถามซ้ำ ๆ ทางหลักจิตวิทยาจึงมีแต่จะทำให้เขาเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดจิตใจเรา ดังนั้นเลิกเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!
จงสนุก ปลุกชีวิตตัวเองขึ้นมา!
แม้เวลาที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ มันจะดีแสนดีเหมือนหนังรักโรแมนติกแค่ไหน แต่มันก็จบไปแล้ว สิ่งที่ต้องคิดถึงให้ออกคือ “ชีวิตก่อนที่จะมีเขา” ว่าเราเคยสนุกกับอะไรบ้าง? เรามีความสุขกับสิ่งไหนมาก่อน? ให้เราพาตัวเองหวนกลับไปทำสิ่งนั้น แม้ตอนนี้เราจะไม่ได้อินเท่าไหร่ ย้ำนะคะซิส กลับไปทำสิ่งที่เราเคยชอบแม้ ณ ขณะนี้เราจะไม่ได้รู้สึกอินเท่าไหร่ ทำไมน่ะเหรอคะ? เพราะทางจิตวิทยาแล้วกิจกรรมพวกนั้นมันจะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป และเราจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตได้โดยไม่มีผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป ชัวร์!
อะไรทำให้คิดถึง ดึงมันออกไปซะ
อยู่กับความเป็นจริงให้มากที่สุด เอาเขาออกไปจากสมองให้ได้มากที่สุด นี่เป็นคำแนะนำง่าย ๆ จากนักจิตวิทยา การไม่คิดถึงเขาที่เป็นรูปธรรมก็คือการเอาข้าวของสารพัดอย่างที่เขาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเก็บลงกล่องซ่อนไว้ในตู้ให้ลึกที่สุดไปก่อน เพื่อให้สาวโสดหมาด ๆ อย่างเรามีสมาธิโฟกัสกับสิ่งอื่น ๆ หรือมีเวลาไปหาผู้ชายคนใหม่ได้อย่างสบายอุรา (อิอิ)
นึกถึงความจริงอย่ามัวอิงความฝัน
รู้ค่ะซิสว่ารักเขาหมดใจ พอจากกันไปก็มักจะนึกถึงแต่อะไรสวย ๆ งาม ๆ “โอ๊ยย เขาดีเหลือเกิน เขาง้อน่ารักมาก เขานิสัยเท่สุด ๆ” แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ ชีวิตคู่นี่ไม่เคยทะเลาะกันเลยเหรอ? เรามักจะคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ชวนให้คิดถึง จนลืมไปว่ามันมีเรื่องร้าย ๆ อยู่ในการคบกันด้วย BEAUTY HUNTER ไม่ได้กำลังจะบอกว่าให้คิดถึงแต่เรื่องสุดเลวร้ายจนร้องไห้น้ำตาแตกอีกรอบ แต่เรากำลังจะบอกว่าเวลาเราคิดเรื่องดี ๆ ก็คิดถึงเรื่องไม่ดีให้บาลานซ์กันด้วย เราจะได้รู้ว่าคนที่เราคิดถึงเขาไม่ได้มีแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น แต่มีด้านแห่งความเป็นจริงอื่น ๆ ด้วยนะคะ อย่ามอมเมาตัวเองค่ะสาว ๆ
อย่าหาว่าพี่สอน แต่ความรักไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตค่ะ สิ่งที่มีอย่างเดียวในชีวิตก็คือ “ชีวิตและตัวตนของเรา” นี่แหละ ดังนั้นก่อนจะรักคนอื่นแทบเป็นแทบตาย ผู้หญิงที่ฉลาดต้องรักและดูแลตัวเองให้เป็นก่อน ซิสคะ มาค่ะ เช็ดน้ำตา หยุดฟูมฟาย ปฏิบัติตามหลักจิตวิทยาแล้วเรามาก้าวไปข้างพน้าพร้อม ๆ กัน
ขอบคุณข้อมูลจาก businessinsider.com