“โทษทีนะ พอดีเราเป็นคนตรง ๆ อ่ะเธอ” หรือุ “ซอรี่จ้ะ พอดีฉันเป็นคนแรง ๆ ” ในยุคสมัยที่เหมือนว่าความตรงความแรงของผู้หญิงจะกลายเป็นเรื่องฮิต เหมือนเป็นเครื่องบอกตัวตนว่าฉันคนจริง แต่บางทีการเปิดเผยว่าเป็นคนตรงและแรง ก็ไม่จำเป็นต้องกลายเป็น “คนไม่มีมารยาท” ไปด้วย เราสามารถเป็นคนตรงที่มีมารยาท และเป็นคนแรงที่สุภาพไปพร้อม ๆ กันได้ โดยเฉพาะในวงสนทนาที่ต้องเม้าท์กับเพื่อน เม้าท์กันในที่ทำงาน หรือแม่แต่กับการติดต่อธุระจริงจัง โดย 5 นิสัยต่อไปนี้ห้ามทำเด็ดขาดเพราะมันดูไม่มีมารยาทและไม่แพงเอาเสียเลยนะคะ
“ใช่ ๆ เราก็เป็นเหมือนกัน”
เราอาจคิดว่าการบอกว่าเรามีอะไรหรือเป็นอะไรเหมือนกันกับคนในวงสนทนา ดูจะเป็นเรื่องดีเพราะชอบในเรื่องเดียวกัน น่าจะคุยกันต่อได้ถูกคอ แต่ลองทบทวนดูดี ๆ ถ้าทุกครั้งที่ใครพูดอะไรออกมา เช่น ฉันเพิ่งทะเลาะกับแฟนมาว่ะ แล้วเราก็ใช่ ๆ เราเพิ่งทะเลาะมาเหมือนกัน จากนั้นแทนที่เราจะถามไถ่เรื่องราวของเพื่อน แต่ดันมาสาธยายเรื่องของตัวเองเป็นฉาก ๆ จนลืมใส่ใจเรื่องของเพื่อนไปเลย หรือ ถ้าเพื่อนบอกว่าแมวที่เลี้ยงไว้เพิ่งตาย แล้วเราก็ อ๋อ ใช่ ๆ เราเคยหมาที่บ้านตายเหมือนกัน แล้วก็เล่าแต่เรื่องตัวเองไม่หยุด แบบนี้มันแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจความทุกข์ ความรู้สึกคนอื่น มองเผิน ๆ เหมือนจะเล่าประสบการณ์ตัวเองเพื่อปลอบใจ แต่จริง ๆ มันคือการที่เราเอาแต่โฟกัสแต่เรื่องของตัวเอง จนลืมนึกถึงคนอื่นมากกว่านะคะ ต้องระวัง!
“เราว่าที่เธอบอกไม่ดีอ่ะ ที่เราเจอมาดีกว่า”
เคยไหมที่เพื่อนสาวของเราพูดถึงอะไรสักอย่างด้วยความภาคภูมิใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวที่ไปมาล่าสุด ลิปสติกจิ้มจุ่มยี่ห้อที่เธอชอบ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เธอรัก แล้วเรารู้สึกว่า อี๋ ที่เพื่อนพูดมาแย่จะตาย เรามีอีกที่ที่ดีกว่ามาแนะนำ แต่ก็ดันโพล่งออกไปว่า “โห ใช้ลิปสติกยี่ห้อนั้นลงไปได้ไง เราว่าเนื้อหยาบมากอ่ะ ยี่ห้อที่เราใช้ดีกว่าเยอะเลย” เหมือนเราจะเจตนาดีอยากแนะนำ แต่การไปบอกโต้ง ๆ ว่าของที่เพื่อนภูมิใจนั้นแย่แสนแย่ แล้วเกทับด้วยการบอกว่าของเราดีกว่า มันคือความไร้มารยาทแบบสุด ๆ ลองเลือกใช้คำแบบใหม่ เช่น “เธอก็ชอบลิปแบบจิ้มจุ่มเหมือนกันหรอ งั้นน่าจะชอบยี่ห้อนี้นา เราใช้แล้วชอบมากเลยเนื้อเนียน อยากให้เธอใช้บ้าง” จุดประสงค์ของคำพูดคล้าย ๆ กัน แต่แค่ปรับวิธีพูด เราจะดูดีขึ้นได้อีกเยอะเลยนะคะ
“เธอช้าไปป้ะ เรื่องนี้เรารู็มานานแล้วอ่ะ”
ในโลกที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงทุกคน และทุกคนก็สามารถหาข้อมูลอะไรก็ได้ให้ชีวิตตัวเอง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในวงสนทนาบางทีก็มีเรื่องที่เราเคยอ่านผ่านตามาแล้ว แต่มันจะทะแม่ง ๆ ถ้าทุกครั้งที่เพื่อนเล่าอะไรที่เราเคยเจอมาแล้ว แล้วเราต้องจัดการฉีกหน้าเพื่อนด้วยการบอกว่า รู้แล้ว รู้นานแล้ว รู้ก่อนเธออีก ทุกครั้งไป บางทีเราอาจรู้อะไรก่อนเพื่อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเพื่อนจะไม่มีมุมมองใหม่ ๆ มาฝากเรา อีกอย่างการบอกว่าใครรู้ก่อนใครก็ไม่ได้ทำให้ใครได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา นอกจากความเจื่อน ๆ ทำตัวไม่ถูกในวงสนทนา ถ้าเราเป็นหนึ่งในคนแบบนี้ ลองหยุดพฤติกรรมนี้ดูดีกว่า
“เหรอ ๆ อืม ๆ”
เรื่องบางเรื่องในวงสนทนามันก็ไม่ได้น่าสนใจไปทั้งหมด เราเข้าใจดี แต่ในบางกรณีเราก็ต้องรักษาสถานการณ์ในวงสนทนานั้นไว้เพื่อคอนเนคชั่น เพื่อมารยาท หรือเพื่อการทำงาน ดังนั้นถ้าเจอเรื่องที่น่าเบื่อเหลือเกิน แล้วเราก็แสดงออกแบบโต้ง ๆ ด้วยการพูดหรอ ๆ อืม ๆ ไปแบบแกน ๆ แถมเหม่อมองไปเรื่อย หรือเล่นมือถือ กิริยาแบบนี้ในวงสนทนาคือความไม่มีมารยาทสุดขีด ถ้ามันเหลืออดจริง ๆ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดินสูดอากาศ ยังดีกว่าแสดงอาการไม่แบบนั้นออกมากลางวง
พูดแทรกขึ้นมาตอนที่คนอื่นพูดอยู่
มารยาทขั้นพื้นฐานสุด ๆ ของวงสนทนาก็คือการฟังคนอื่นพูดให้จบก่อน ไม่ว่าเราจะอยากแก้ไข ให้ข้อมูล หรือแนะนำเพื่อนแค่ไหน ก็ต้องรอให้เพื่อนพูดให้จบก่อน แล้วเราค่อยพูดขึ้นมา การเอะอะ ๆ ก็พูดโพล่งแทรกขึ้นมากลางวงนี่ มันดูไม่มีมารยาทเลยนะคะ
ไม่ว่าจะตรง จะแรงแค่ไหน แต่กับมารยาท กาลเทศะ คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรใส่ใจไว้ ยิ่งสาว ๆ ยุคใหม่อย่างเราที่ต้องสนทนากับผู้คนเพื่อต่อยอดอะไร ๆ ให้กับชีวิตด้วยแล้ว มารยาทในวงสนทนาคือสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าเริ่มต้นด้วยห้ามเผลอทำ 5 พฤติกรรมที่เราพูดไป รับรองว่าสวยแพงแน่นอนค่ะ